ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเขียนตอน “พลบค่ำ… เรามาเจอกัน” ในช่วงแรกผมคิดว่าจะนำเรื่อง “แสงนั้น…คือแสงอะไร?” ที่จะเป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นบนหน้าผาที่สำนักสงฆ์แห่งนึง แต่เนื่องด้วยในช่วงนี้ ได้ยินและรับฟังเรื่องราวใหม่ๆ เข้ามา แล้วเล็งเห็นว่า น่าจะเขียนให้เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ ผมจึงขอสลับเอาเรื่องนี้ ขึ้นมาเล่าให้ทุกๆท่านฟังกันก่อนน่าจะดีกว่า
สำหรับเรื่องราวเหล่านี้ ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณทีอีกต่อนึงนะครับ โดยผมจะขออนุญาต เล่าเรื่องนี้เป็นตัวผมแทนครับ จะได้ไม่สะดุดในการอ่านของทุกๆท่านครับ
เรื่องนี้หากผมมาลองๆ นับดูระยะเวลาน่าจะย้อนกลับไปในช่วง 2560-2561 ก็น่าจะ 4-5 ปีที่แล้วก็ว่าได้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ครับ
หลังจากที่ผมได้ลาออกจาก บ. ด้านไอที ที่ทำมาอย่างยาวนาน ก็ได้ลองหางานใหม่ทำอย่างที่ทุกๆท่านทราบคือ งานด้านเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
โดยในเนื้องานก็จะมี หน้าที่ออกเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆครับ เวลาเราไปไหนมาไหน ก็มักจะโพสต์ หรือ เขียนข้อมูลคร่าวๆไว้ เพื่อเก็บไว้ในความทรงจำของเราเอง รวมถึง เผื่อเพื่อนๆที่อยู่บริเวณนั้นเห็น จะได้ทักทาย หรือ หากมีเวลาตรงกัน ก็จะได้นัดพบกัน หลังจากที่ทำงานที่นี่อยู่ได้ไม่นาน มีอยู่วันหนึ่ง ก็ได้มีข้อความเข้ามาจากน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่ง น้องผู้หญิงคนนี้ ผมขอให้ชื่อว่า น้องทิพย์ นะครับ โดย ขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับตัวน้องทิพย์ก่อนนะครับ
น้องทิพย์ เป็นสาวอายุ 30 นิดๆ กำลังเรียนปริญญาเอก รวมถึง เป็น อ. ที่สอนอยู่ในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งครับ น้องทิพย์บอกว่า เห็นพี่โพสต์เรื่องราวต่างๆมากมาย และรวมถึงเห็นโพสต์เกี่ยวกับจังหวัดที่น้องทิพย์อยู่ น้องเลยทักทายเข้ามาพูดคุยว่ามาทำอะไร ยังไง และ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างคะพี่? หลังจากเราพูดคุยกันอยู่สักพักหนึ่งน้องทิพย์ก็ขอตัวไปทำธุระต่อจน เวลาผ่านไป 1-2 วัน น้องทิพย์ก็เริ่มกลับมาทักใหม่ พร้อมหัวข้อสนทนาอย่างเปิดเผยว่า พี่ทีคะ พี่ทีวันนี้พอจะสะดวกไหมคะ
พอดีทิพย์ มีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่หน่อย เกี่ยวกับแฟนของน้องทิพย์ที่คบอยู่ ผมพอมองดูเวลา ก็เลยได้บอกกับน้องย์ว่า งั้นอีกสักพักนะ หลังจากนั้นไม่นานน้องทิพย์ก็ได้โทรมาหาผม ผมจึงถามไปว่า มีอะไรรึเปล่า ปกติไม่ค่อยจะโทรหาพี่นะ วันนี้มาแปลก น้องทิพย์เลยบอกว่า จริงๆ ตามอ่านโพสต์พี่มาสักพักแล้ว
วันนี้ไม่รุ้คิดยังไง เลยจะลองมาปรึกษาพี่ดูดีกว่า พอจะมีวิธี หรือ ข้อแนะนำ เกี่ยวกับเรื่องที่น้องจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับแฟนน้องทิพย์ได้ไหม ผมจึงบอกไปว่าลองเล่ามาดูก่อน หากพี่พอจะแนะนำหรือช่วยอะไรได้ก็จะบอกละกัน
น้องทิพย์เล่าว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวกับแฟนหนูเองคะพี่ คืออย่างนี้ ต้องเล่าย้อนไปหน่อยว่า แฟนหนูเขาทำงานเกี่ยวกับพวกตัวเลข ที่ บ. แห่งหนึ่ง โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทางบ.แห่งนี้ ได้ส่งแฟนหนูเพื่อไปประจำการที่สาขาที่อยู่ ที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราคะ หลังจากทำงานได้มาสักระยะ ผลงานดี ได้รับความชื่นชมจาก สำนักงานใหญ่
รวมถึงด้วยความที่เขาเป็นคนเก่งอยู่แล้ว จึงได้รับการโปรโมทขึ้นเป็นหัวหน้าประจำสาขา ซึ่งมันดูเหมือนว่าจะดีนะคะ ทั้งหน้าที่การงานมั่นคง ทั้งอะไรๆก็ดูดีไปหมด แต่ที่มันแปลกคือ หลังจากได้เป็นหัวหน้าประจำสาขานั้นได้ไม่นานนัก อยู่ดีๆ เขาก็เกิดป่วยขึ้นมาอย่างกระทันหันเลยคะพี่ เขาจึงต้องลาป่วย กลับมายังประเทศไทย โดยเข้าไปรักษาอาการป่วยที่เป็นอยู่ โดยช่วงแรกก็ไปหา ตาม รพ เอกชนชื่อดังของไทย เรานี่แหละคะ แต่พี่เชื่อไหมคะ
ทางคุณหมอที่ให้การรักษานั้น ก็แจ้งว่า หลังจากตรวจแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ แค่อาจจะมีอาการซูบผอมและไม่ค่อยนอน ผมจึงบอกไปว่า ฟังๆดูก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่ครับ ผมบอกทิพย์ไป ทิพย์จึงบอกไปว่า แปลกสิคะพี่ ถ้าเวลาปกติ 6-7 โมงเช้า จน ถึง 6 โมงเย็น แฟนหนูจะดูปกติมาก
ดูไม่เป็นอะไรเลย แต่หลังจากเวลาพลบค่ำ ตัวแฟนหนูเอง
ตัวจะเริ่มร้อน ร้อนแบบมีไข้ขึ้นตลอดเวลาวัดได้ 39-40 องศา อย่างหาสาเหตุไม่ได้ รวมถึง ก็มักจะนอนไม่ได้ บางทีก็ฝันร้ายแปลกๆ บางช่วงนะคะ ที่ไปเฝ้า ก็จะมีอาการเพ้อไปเรื่อย พูดนั่นนี่ตลอดเวลา ทางพยาบาลที่เฝ้าไข้ก็งงเหมือนกันว่า ตอนเวลาอื่นจะดูปกติมาก แต่ทำไมช่วงเวลานี้มักจะมีอาการไข้ขึ้น
หลังจากได้ปรึกษากับทางคุณหมอเจ้าของคนไข้ ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้สักที นี่เลยลองคุยกับครอบครัวของแฟน ลองเปลี่ยนโรงพยาบาลดูไหม
ทางครอบครัวแฟนก็มองว่า ลองเปลี่ยนดูละกัน ก็ลองเปลี่ยนตาม รพ เอกชน อื่นก็ยังเจออาการเดิมแบบนี้ ทั้งๆที่ เวลาอื่นก็ดีปกติดี ทำไมหาสาเหตุไม่เจอ
และ สลับกับบางช่วงก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ แต่เชื่อไหมคะ หลังจากที่เจออาการนี้บ่อยๆ เข้า การทำงาน ประสิทธิภาพต่างๆ จากที่เคยทำงานดี
เริ่มมีปัญหาในที่ทำงาน ความเครียดต่างๆ รวมถึงอารมณ์ของเขา ที่เริ่มจะมากขึ้น หนูเข้าใจนะ แต่หนูก็พลอยเครียดไปกับเขาด้วย
และยิ่งช่วงนี้หนูยิ่งต้องทำวิจัย รวมถึงเตรียมรูปเล่มต่างๆ เพราะมันก็ใกล้ถึงเวลาของหนูเช่นกัน ที่ต้องรีบเรียนต่อปริญญาเอกให้จบ ให้ทันตามเวลาที่ได้กำหนดไว้
หลังจากที่ครอบครัวของแฟนเขาย้ายมาหลาย โรงพยาบาลแล้ว คราวนี้ ก็มาถึง โรงพยาบาลรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่ามีหมอที่ดีที่สุด การที่ย้ายมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
เนื่องจากคุณยายของแฟนเขาอยากให้ย้ายมาอยู่ใกล้ๆ บ้าน เวลามีอะไรจะได้ไปเฝ้าไข้ได้ หลังจากที่ย้ายมาทำการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ อาการเดิมก็ยังคงเหมือนเดิม คือ หลังพลบค่ำได้ไม่นาน ตัวแฟนหนูจู่ๆ ตัวก็จะร้อนขึ้นแบบรวดเร็ว ซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ทั้งๆก่อนหน้านี้ ก็ดูปกติดี จนทางคุณยายได้คุยกับทางคุณพ่อคุณแม่ของแฟนว่า
เห็นท่าจะไม่ดีแล้ว เอาอย่างนี้ ไหม ลองหา น้ำมนต์ มาให้กินหน่อย เผื่อจะช่วยให้อาการดีขึ้น แต่พอลองคุยกับแฟนหนู เขาไม่เชื่อคะ เขาบอกกินไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ให้หมอรักษานี่แหละ เดี๋ยวก็หายแล้ว แต่เนื่องด้วยความรักของพ่อแม่ ก็เลยลองแอบหยิบมาผสมกับน้ำแล้วให้แฟนของหนูกินดู แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลยคะ
นี่ทางคุณยายลองให้ไปปรึกษาทางพระที่เคารพลองช่วยดูเหมือนกัน ก็ยังไม่หายเลยนี่อยู่ รพ มา 3-4 วันแล้วด้วยคะพี่ พี่พอมีคำแนะนำให้หนูบ้างไหมคะ
จากเรื่องราวต่างๆที่ผมได้รับฟังมาจากน้องทิพย์นั้น ผมคิดอยู่ในใจว่า มันคงไม่ใช่เรื่องปกติแล้วแหละ เลยบอกว่า เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่หาวิธีได้แล้ว
เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปเนอะ น้องทิพย์บอกว่า ได้เลยคะ ดีใจมากๆที่พี่ทีบอกว่าจะช่วย งั้นเดี๋ยวได้เรื่องยังไงบอกหนูด้วยนะคะ ….
หลังจากปะติดประต่อเรื่องแล้ว ผมจึงคิดถึง น้องนัตจากเรื่อง “พี่ครับ… พี่คือใครครับ? ”
ฮัลโหลลลลล นัตตต ว่างไหม พี่ขอคุยด้วยหน่อย เจ้านัตบอกว่า ว่าคะพี่ที ว่าไง มีอะไรให้ช่วยเอ่ย ผมจึงเล่าเรื่องจากที่ผมได้ฟังมาให้เจ้านัตฟัง นัตบอกโอเค ถ้าพี่ทีอยากช่วย นัตก็โอเคนะ ที่จะช่วยผู้ชายคนนี้ เราตกลงนัดแนะกันว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ เราทั้ง 2 คนจะโทรคุยกันอีกทีพร้อมกับน้องทิพย์ เพื่อจะหารือร่วมกันว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ให้แฟนของน้องทิพย์ได้อย่างไร?
หลังจากวางสายเจ้านัตไปได้ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาดึกพอดี ผมจึงเตรียมตัวทำธุระนั่นนี่ เพื่อที่จะเข้านอนในวันนี้
สำหรับในคืนนี้แปลกครับ ผมฝันว่า…
ผมนอนอยู่ในฝันและสักพักก็ค่อยๆตื่นเข้ามาบนเตียง โดยอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง จึงค่อยๆลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ ไม่คุ้นเลยแหะกับบ้านหลังนี้ จึงค่อยๆเดินออกไปมองที่หน้าต่าง บ้านหลังนี้ เป็นบ้านไม้ค่อนข้างทรุดโทรมเลยทีเดียว โดยหากมองออกไป เราก็จะเห็นวัดอยู่ไกลๆ และโดยรอบๆ ไม่เจอบ้านใครเลย มีเพียงทางเดิน และ ทุ่งหน้าอยู่โดยรอบ
หลังจากสำรวจอยู่ไม่นานนัก ผมกำลังจะหันกลับไปมองอีกมุมหนึ่ง ก็ต้องตกใจเพราะว่า อยู่ดีๆ มีผู้หญิงคนหนึ่ง มายืนอยู่ใกล้ๆ เห้ยย มาจากไหนเนี่ยะ ไม่นานนักผู้หญิงคนนี้ ยกแขนขึ้นมา แล้วมือมาชี้ที่หน้าผมว่า “เรื่องนี้ เมิงอย่ามายุ่ง เดี๋ยวมึงจะไม่ตายดี” ผมจึงตอบสวนกลับไปว่า “จะช่วย มีอะไรไหมละ?” จากนั้นก็มีประโยค xxxx ที่สามารถเขียนให้ผู้อ่านได้อ่านได้
สักพัก ผู้หญิงคนนี้ ก็เหมือนวาปลงไปที่ชั้น 2 อ้อลืมบอกไปตอนที่ผมตื่นมานั้น บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้นะครับ คล้ายๆเรือนไทยมี 2 ชั้น ตอนที่ผู้หญิงคนนี้ มาปรากฎตัวอยู่ที่ด้านล่างนั้น
ก็มีเสียงตะโกนที่ดังมากออกมาว่า “เขาฝากกูมาเตือนมึงแล้วนะ ว่ามึงอย่ายุ่งเรื่องนี้…..” หลังจากสิ้นเสียงไม่นาน ภาพก็ตัดมาที่ ผมยังนอนอยู่บนเตียงนอนของผมเอง
ผมขยับตัวไปเพื่อหยิบมือถือดูว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ว ปรากฎว่า เพิ่งจะตี 5 กว่าๆเท่านั้นเอง งั้นนอนต่อดีกว่า ง่วงอะ ตื่นผิดเวลาแบบนี้ ไม่ไหว…. หลับต่อเลยละกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ถึงเวลาที่เราได้นัดหมายกัน ผม นัต และ น้องทิพย์ ก็โทรรวมสายเพื่อคุยถึงวิธีการแก้ปัญหานี้ร่วมกัน และผมจึงได้แนะนำให้นัตและทิพย์ได้รู้จักกัน
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ผมถามเลยว่า นัต เทอเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง และ พอจะมีวิธีการที่จะช่วยแก้ให้แฟนของน้องทิพย์บ้างหรือไม่ นัตบอกว่า ขอเวลาสักครู่นะพี่ ไม่นานนัก…. นัตก็เริ่มเล่าให้พวกเราฟังว่า สิ่งที่นัตเห็น คือ ตอนนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ร่างโทรมๆ แต่งชุดเหมือนนักท่องเที่ยวนะพี่ ผมเปียก ตัวเปียก นัตคิดว่าน่าจะตายในน้ำ ยืนอยู่ข้างๆ แฟนของพี่ทิพย์คะ
นัตลองคุยกับเขา เขาบอกว่า เขาถูกใครคนหนึ่ง สั่งให้ตามผู้ชายคนนี้ตลอดเวลา ทำให้ผู้ชายคนนี้ป่วย ไม่สบาย หรือทำให้มีอาการแปลกๆในทุกๆวัน เขาจะมาแสดงอาการหลังพลบค่ำคะพี่
แล้วเราสามารถจะทำอะไรได้บ้างละ นัตบอกว่า ต้องเป็นผมที่จะสามารถช่วยแฟนของพี่ทิพย์ได้ นัตจึงบอกถึงวิธีการเหล่านั้นและให้ผมได้ลองทำดู
วิธีเหล่านี้นั้น ผมไม่สามารถบอกได้ เพียงแต่ บทสรุปของสิ่งที่ได้ทำคือ ผู้หญิงคนนี้ ได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของ ใครคนนั้น คนที่ได้ส่งเธอมา เพื่อติดตามแฟนของน้องทิพย์
หลังจากพวกเราได้ทำวิธีการบางอย่างเสร็จสิ้นลง ผมและนัต ก็ได้ขอวางสายกับน้องทิพย์ และบอกไปว่า ช่วยสังเกตุอาการของแฟนหน่อยนะว่า ยังมีอาการตัวร้อน ไข้ขึ้นสูงไหม
ยังไงช่วยแจ้งให้พี่ทราบด้วยนะ หากไม่ดีขึ้น จะได้ปรึกษากันอีกที ว่าจะช่วยแฟนเราได้ยังไงดี หลังจากผ่านพ้นคืนนั้นไป รุ่งเช้าน้องทิพย์ทักมาคุยว่า
พี่ทีคะ เออแปลกจริงๆ เมื่อคืนนี้ ไม่มีอาการเหมือนเช่นคืนก่อนๆ อีกเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นอยู่ ทางแพทย์ก็ลองดูอาการ ก็แจ้งว่า ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวขอดูอีกสักวัน สองวัน หากไม่มีแล้ว ก็จะให้แฟนของทิพย์ กลับบ้านได้แล้วคะ ขอบคุณมากนะคะพี่ที….. จริงๆแล้วเรื่องมันคงจะจบลงตรงนี้ เพียงแต่ว่า…
นี่คือ บทสนทนา ที่ผมและนัต เราได้คุยกันหลังไมค์ โดยที่ไม่มีทิพย์อยู่ หลังจากได้วางสายไปได้ไม่นาน เจ้านัตก็ได้โทรกลับมาหาผม ผมจึงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า???
นัตบอกผมว่า พี่ที พี่รู้ไหมว่าทำไม แฟนของทิพย์ถึงมีผู้หญิงคนนั้นตามติด และ ทำให้มีอาการแปลกๆเกิดขึ้นมา ไปหาหมอที่ไหนก็ยังไม่หายสักที ผมจึงถามกลับไปว่าทำไมหรอนัต
นัตจึงบอกว่า จริงๆแล้วหลังจากที่ได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น เธอเล่าว่า เธอถูกหมอผีส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะว่า แฟนของทิพย์ ตอนที่เขาไปทำงานที่สาขาที่ต่างประเทศ
ไปข้ามหน้าข้ามตา คนที่ทำงานอยู่ก่อนแล้ว แล้วพวกเขาไม่พอใจ ที่ทำไมพึ่งมาทำงานได้ไม่นาน แต่ได้เป็นหัวหน้า แทนที่พวกเขา จะได้เป็นหัวหน้าแทน เมื่อไม่ได้อย่างที่ใจพวกเขาคิด พวกเขาจึงไปปรึกษาหมอผี ที่พวกเขารู้จัก อยากให้ช่วย ทำอย่างไรก็ได้ ทำให้ แฟนของทิพย์ ไม่สามารถกลับมาทำงานที่นี่ต่อได้ ไม่ก็ลาออกไป
พวกเขาจะได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน… หมอผีจึงได้ทำการส่งผู้หญิงคนนี้ (ผีพราย – เธอถูกทำให้ตายที่แม่น้ำ ที่ประเทศเพื่อนบ้านนั้น ) และเธอถูกจับเอาไว้เพื่อใช้งานตามที่หมอผีคนนี้สั่งงาน
แต่พี่ทีต้องระวังด้วยนะ ตอนนี้หมอผีคนนี้ มันรู้ตัวแล้วว่า พวกเราได้ทำการปลดปล่อยผีพรายตนนี้ไป มันกำลังโมโหมาก ระวังด้วยแล้วกัน หลังจากจบบทสนทนานี้ลง นัตก็ได้ขอตัวกลับไปทำงานที่ค้างอยู่… และผมก็กลับไปเคลียงานที่คั่งค้างไว้แต่ คำที่เจ้านัตเตือนนั้น มันยังคงค้างอยู่ในใจ ตลอดทั้งวัน…
เมื่อถึงตอนเย็น ผมคิดว่า ผมต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เรื่องราวนี้จบลง ผมจึงโทรหาเอฟจากเรื่อง “พี่ครับ… พี่คือใครครับ? ”
เอฟรับสาย และทักทายว่า ไงพี่ที มีอะไรให้รับใช้คร้าบบ ซึ่งเป็นคำปกติที่มักจะทักทายเวลาผมโทรหาเจ้าเอฟ ผมจึงบอกเอฟไปว่า เอฟช่วยพี่หน่อยสิ พอดี พี่มีเรื่องที่ต้องจัดการอะไรหน่อย ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องคร่าวๆ ที่ผมให้น้องนัตเข้ามาช่วย แต่ต่อจากนี้ อาจจะต้องให้เอฟ เข้ามาช่วยในเรื่องนี้หน่อย
โดยปกติแล้วผมต้องบอกเอาไว้ว่า ในหลายๆครั้ง ผมจะให้เอฟเป็นสื่อกลางหรือตัวแทนเพื่อใช้ความสามารถบางอย่างของเอฟที่มีมาแต่เกิด
ในครั้งนี้ก็อีกเช่นเคย ผมรบกวนให้น้องเอฟช่วยผมในการเป็นตัวกลางที่สื่อสารระหว่างผมและหมอผีคนนั้น อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ เกินที่จะบรรยายได้นั่นคือ พวกเราสองคนนั้นได้ไปพบเจอหมอผีคนนี้ ที่ตำหนักของเขาหมอพี่คนนี้ บทสรุปคือ
ผมได้บอกกับหมอผีคนนั้นว่า “ที่ผมมาในวันนี้ ผมเตือนดีๆแล้วนะ ว่าอย่ามายุ่งกับพวกผม คุณส่วนคุณ ผมส่วนผม เราไม่ยุ่งต่อกัน หากยังไม่หยุด อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน” สิ่งที่ทำให้หมอผีคนนี้ยอมลามือ และ ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกันแต่โดยดีนั้น ผมไม่สามารถเขียนออกมาได้ครับ ผมขอละเอาไว้
และผมขอจบเรื่องราวแต่เพียงเท่านี้ ในส่วนของผม น้องเอฟ และ หมอผี คนนี้ ไว้ ณ ตรงนี้
แต่ เชื่อไหมว่า โลกนี้ มันมักมีเหตุและปัจจัยที่เชื่อมต่อกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้ทราบข่าวจากน้องทิพย์ว่า หลังจากที่ พวกเราได้ช่วยแฟนน้องทิพย์ไปในครั้งนั้น ไม่นานนัก เขาก็ได้ตัดสินใจลาออกจากที่นั่นจริงๆและ กลับมาทำงานที่ประเทศไทยเหมือนเดิม
เพียงแต่ ในวันนี้ สถานะของคำว่าแฟนก็ได้จบลงไป หนูและเขา เราตัดสินใจเลิกต่อกัน อาจจะเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันทั้งด้านความเชื่อ การทำบุญ การกตัญญูต่อพ่อแม่ การใช้ชีวิตทั้งลองมองดูแล้ว เราสองคนนั้นช่างแตกต่างกัน แม้ว่าเราสองคนมีแผนที่จะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายและท้ายสุด เราก็ยินดีที่จะจากลากันไปด้วยดีคะพี่…
มันทำให้ผมคิดได้ว่า ชีวิตของพวกเรานั้นเหมือน จุดต่อจุด เส้นต่อเส้น ทางต่อทาง เสมือนพวกเราเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ เข้าหากัน ทั้งเหตุและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องราวต่างๆที่ผมได้พบเจอ
ผ่านเวลาไปนานหลายปี ผมและน้องทิพย์ก็ไม่ค่อยจะได้ติดต่อกันเท่าไหร่ ทั้งเรื่องงาน และอื่นๆ ทำให้เราทั้งสองนั้นห่างๆกันไป…
จริงๆแล้วยังมีเรื่องราวต่อจากนี้ แต่มันจะเป็นเรื่องราวของบทใหม่ไหมนั้น ก็ขึ้นกับสิ่งที่ น้องทิพย์ ได้สัญญากับผมไว้…หากน้องทิพย์ ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว อย่าลืมสัญญาที่ให้กันไว้ก็พอครับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร หากมีโอกาส ผมจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งครับ
สำหรับเรื่องเล่าจากทางบ้านตอนนี้ หากอ่านแล้ว รู้สึกว่ามันไม่จริงหรือเป็นไปไม่ได้ ก็ขอให้คิดว่า มันเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา เพื่อความบันเทิงของทุกๆท่านก็พอครับ
ส่วนขยายเพิ่มเติม มีคนถามเพิ่มมาครับ
– แฟนของน้องทิพย์ ไม่รู้นะครับว่า ผม น้องนัต ได้เข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้
เพราะเหตุผลของน้องทิพย์ที่ว่า เราช่วยแบบเงียบๆดีกว่าพี่ เพราะว่า
บอกไปเขาไม่เชื่อแน่ๆ เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยิ่งถ้าหากบอกไป กลัวจะทะเลาะกัน เพราะ ก่อนหน้านี้ก็มักจะมีเรื่องทะเลาะกันบางเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…
ปล. ขอขอบคุณ เจ้าของเรื่องนี้คุณที น้องนัต เจ้าเอฟ น้องทิพย์ และ แฟนน้องทิพย์ด้วยครับ
รวมถึงเหล่าดวงวิญญาณ ทุกๆดวงจิตที่ได้กล่าวถึงเพื่อนำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ นั้นมาถ่ายทอด เป็นวิทยาทาน ต่อเพื่อนๆ ที่ได้อ่าน หรือ รับฟัง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ