มาลีมาถึงบ้านยายตอนบ่ายแก่ๆ บ้านไม้เก่าใต้ถุนสูงที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านที่เงียบร้าง บ้านหลังนี้เคยอบอุ่นเมื่อครั้งเธอเป็นเด็ก แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความวังเวงและฝุ่นหนา กลิ่นอับของไม้เก่าทำให้เธอรู้สึกเหมือนที่นี่หยุดเวลาไว้ตั้งแต่ยายจากไป
เธอเดินสำรวจบ้าน ความทรงจำในวัยเยาว์พรั่งพรูกลับมา แต่แล้วเสียง ‘กริก กริก’ ที่ดังจากสวนหลังบ้านทำให้เธอชะงัก สวนที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าวสูงเสียดฟ้าซึ่งยายเคยเตือนเสมอว่า “อย่าไปเล่นตอนกลางคืน”
ค่ำวันนั้น ลมเย็นวูบแรกพัดผ่าน ทำให้หน้าต่างไม้กระแทกเสียงดังปัง มาลียืนที่ระเบียง มองออกไปยังสวนหลังบ้าน ที่ปลายสวนใต้ต้นมะพร้าว เธอเห็นบางสิ่ง… เงาร่างสูงชะลูด ผอมแห้ง ผิวดำคล้ำ ยืนแน่นิ่งตาแดงฉานราวถ่านไฟ เธอรีบปิดม่าน หัวใจเต้นแรง แต่เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้น “ช่วย…ฉัน…” มาลีตัวแข็งทื่อ นั่นไม่ใช่เสียงธรรมดา…มันเต็มไปด้วยความทรมาน
กลางดึกคืนนั้น เธอได้ยินเสียงฝีเท้าลากครืดคราดอยู่รอบบ้านและเสียงกระซิบเบาๆ ข้างหู “คืน…มัน…มา…” มาลีสะดุ้งเฮือก เธอรีบเปิดลิ้นชักพบเพียงกล่องไม้เก่าใบหนึ่ง เธอจำได้ทันที…นี่คือกล่องของยาย
เธอเปิดออก…ข้างในมีสร้อยทองเส้นหนึ่งและกระดาษเก่าที่เขียนด้วยลายมือยายว่า: “มาลี อย่าให้ใครได้ไป…”
ทันใดนั้น ประตูห้องกระแทกเปิดเอง ร่างสูงใหญ่เงาดำปรากฏอยู่ที่ประตู ดวงตาแดงฉานจ้องลึกเข้ามาในจิตใจของเธอ เสียงแหบต่ำดังขึ้น “ของ…ฉัน…”
มาลีตะโกนกลับ “ฉันไม่ได้เอาของแกไป!”
ร่างนั้นหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ภาพในหัวของมาลีจะพรั่งพรู เธอเห็นยายของเธอยืนเผชิญหน้ากับมัน ในมือยายมีสร้อยเส้นนี้ และเสียงของยายดังขึ้นในหัวเธอ: “หลานเอ๋ย ยายขโมยของมันมาเพื่อปกป้องหลาน… แต่คำสาปยังอยู่… มันต้องการให้คืน หรือ…เลือด…”
มาลีรู้ทันทีว่าเธอมีทางเลือกสองทาง คืนสร้อย…หรือสละชีวิต
ด้วยความกลัวสุดขีด มาลีวิ่งออกจากบ้านพร้อมกล่องไม้ เงาดำนั้นตามติดใกล้เข้ามา ทุกฝีก้าวของมันทำให้พื้นสั่นสะเทือนจนต้นมะพร้าวเอนไหวอย่างผิดธรรมชาติ
เธอไปถึงโคนต้นมะพร้าวต้นใหญ่ที่สุดที่ยายเคยสั่งห้ามเฉียบขาด เธอเปิดกล่องแล้วตะโกน “เอาคืนไป!” ก่อนโยนสร้อยลงในหลุมเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้
เงาดำนั้นหยุดนิ่ง… ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลง มือยาวกร้านคว้าสร้อย เสียงแหบต่ำดังขึ้น “ขอบใจ…แต่…ยังไม่พอ…”
ทันใดนั้น มือยาวนั้นพุ่งมาคว้าข้อมือมาลี เธอกรีดร้องสุดเสียงแต่แรงของมันมหาศาลเกินกว่าจะดิ้นหลุด เธอถูกดึงเข้าไปในเงามืด แต่ก่อนที่สติจะดับวูบ เธอได้ยินเสียงของยายอีกครั้ง:
“หลานรัก…คำสาปนี้ไม่มีที่สิ้นสุด…แต่ยายจะไม่ปล่อยให้มันเอาตัวหลานไป…”
เสียงสวดคาถาแว่วมาจากที่ไกล ๆ แสงสว่างวาบขึ้น เงาดำนั้นแผดเสียงกรีดร้องก่อนจะสลายหายไปในสายลม
มาลีลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองนอนอยู่ใต้ต้นมะพร้าว ยายจันทร์…ยืนอยู่ตรงหน้าแต่ร่างนั้นโปร่งแสง
“ยาย…” มาลีน้ำตาไหลพราก
ยายจันทร์ยิ้มบาง ๆ “ยายรักหลาน…แต่หลานต้องไป…คำสาปมันจบแล้ว…แต่ยาย…ต้องอยู่ต่อ…”
ร่างโปร่งแสงของยายค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับสายลม
มาลีนั่งร้องไห้อยู่ที่โคนต้นมะพร้าว…ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ต้องห้าม…แต่ตอนนี้…มันเป็นที่ที่ยาย…ได้ปกป้องเธอเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้น…
เสียงกระซิบ “…ยังไม่จบ…” ทำให้มาลีเย็นวาบไปทั้งร่าง เธอหันมองรอบตัว สายลมพัดวูบจนใบมะพร้าวเสียดสีกันเป็นเสียงครางวังเวง แต่ไม่มีเงาดำนั้นอีกแล้ว มีเพียงเงาเลือนราง…ของยายจันทร์ที่มองเธอด้วยสายตาปวดร้าว
ทันใดนั้น ดินใต้ต้นมะพร้าวเริ่มสั่นไหว รากไม้ผุดขึ้นราวมีชีวิต มาลีพยายามถอย แต่บางสิ่งจับข้อเท้าเธอไว้ — มือผอมแห้งซีดเผือดโผล่จากใต้ดิน เสียงแหบต่ำดังขึ้นอีกครั้ง “…เลือด…สืบทอด…”
ภาพพรั่งพรูในหัวเธอ — ยายจันทร์ผนึกวิญญาณปีศาจไว้ใต้ต้นนี้ด้วยคำสาป ต้องมีผู้เฝ้าสืบทอดเรื่อยไป และตอนนี้…ถึงคราวของเธอ
“ไม่! ฉันไม่ยอม!” มาลีกรีดร้อง มือเธอสัมผัสกล่องไม้ที่ตกอยู่ เธอจำคำยายได้ — เลือด…หรือ…ผู้สืบทอด…
เธอกัดฟัน คว้ามีดพกจากกระเป๋า กรีดฝ่ามือตัวเอง เลือดหยดลงบนรากไม้ทันที พื้นดินหยุดสั่น รากไม้ถอยกลับ เสียงกรีดร้องจากใต้ดินค่อย ๆ จางลงพร้อมกับไอหมอกดำที่สลายไป
เงายายจันทร์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายตาอ่อนโยนแต่เศร้าลึก “หลาน…เจ้ายอมเสียเลือด…เพื่อจบวงจร…แต่…”
มาลีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ฝังลึกในร่างเธอ เงาของเธอยืดยาวขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ ดวงตาเธอ…เริ่มสะท้อนสีแดงฉาน
ยายจันทร์น้ำตาร่วง “คำสาป…ไม่ได้จบ…เพียงเปลี่ยนผู้เฝ้า…”
มาลีแสยะยิ้มบาง ก่อนที่เสียงกระซิบแผ่วเบาจะดังขึ้นจากเธอเอง…
“…ใครจะเป็นรายต่อไป…”