เม้ามอยกับมามูมะ

ที่มาและความเชื่อเรื่องเครื่องหมายกากบาทบนฝ่ามือ

ที่มาและความเชื่อเรื่องเครื่องหมายกากบาทบนฝ่ามือ-2

ก่อนหน้านี้มีแฟนเพจมามูมะ ทักมาว่า ลองเล่าเรื่องรึ เขียนเกี่ยวกับความเชื่อของเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือให้หน่อยสิ อยากลองอ่านดู โดยเราจะเห็นว่ากากบาทบนฝ่ามือนั้นเป็นหนึ่งในความเชื่อที่กว้างขวางและมีมาอย่างยาวนาน คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าสัญลักษณ์กากบาทนี้เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงบุคคลผู้มีบารมีและอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนี้ได้ฝังรากลึกลงไปในความคิดและวัฒนธรรมของคนไทยมาเป็นเวลานานแล้วแหละ มามูมะก็ได้ยินบ่อยมากจากคนที่สูงอายุหน่อยครับโดย ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือนั้น มีที่มาจากหลายแหล่ง ทั้งในด้านความเชื่อทางศาสนาและความเชื่อพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา โดยสามารถแบ่งที่มาของความเชื่อนี้ออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

  1. ความเชื่อทางพุทธศาสนา
    ในพุทธศาสนา มีความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายจะมีเครื่องหมายพิเศษปรากฏบนร่างกาย เช่น สัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายของความศักดิ์สิทธิ์และบารมีอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น คนที่มีสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือจึงมักถูกมองว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาและอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ
  2. ความเชื่อทางโหราศาสตร์
    ในทางโหราศาสตร์ มีการเชื่อว่าสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือ เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงบุคคลผู้มีดวงชะตาดี มีบารมี และมีความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะในด้านการเงินและอำนาจ ดังนั้น คนที่มีเครื่องหมายนี้จึงมักถูกมองว่าเป็นผู้ที่จะประสบความสำเร็จและร่ำรวยในชีวิต
  3. ความเชื่อทางพื้นบ้าน
    นอกจากความเชื่อทางศาสนาและโหราศาสตร์แล้ว ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือยังมีที่มาจากความเชื่อทางพื้นบ้านด้วย โดยเฉพาะในหมู่ชาวบ้านที่เชื่อว่าคนที่มีเครื่องหมายนี้จะมีอำนาจพิเศษและสามารถใช้เป็นเครื่องรางของขลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้

และความเชื่อยังมีความเชื่อจากที่ต่างๆมากมายที่ได้รวบรวมเอาไว้นั่นคือ ความเชื่อที่ว่าเส้นกากบาทกลางฝ่ามือ เป็นเส้นที่แสดงถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มีความเป็นผู้นำ มีการตัดสินใจที่มั่นคง และชอบที่จะให้คำปรึกษาหรือแนะนำผู้อื่น ส่วนใหญ่พบในมือของบุคคลที่มีบทบาทในการสอน หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น พระสงฆ์ อาจารย์ หรือผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ผู้ที่มีเส้นกากบาทกลางฝ่ามือมักจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจุดยืนของตนเอง และชอบที่จะค้นหาความรู้หรือแสวงหาสิ่งใหม่ๆ โดยทั่วไปแล้ว พวกเขามักจะเป็นที่เคารพนับถือในสังคม และมักจะมีบทบาทที่สำคัญในการช่วยเหลือหรือนำพาผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ด้วยความซื่อตรงและกล้าหาญของพวกเขา บางครั้งอาจนำไปสู่การกลั่นแกล้งหรือการกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งก็ต้องรับผลกรรมตามมา ทางพระเรียกว่า “เส้นผลบุญและเวรกรรม” โดยบางรายอาจมีความสามารถในการระลึกชาติหรือมีซิกเซนส์ที่ดี

ในด้านความรัก บางคนที่มีเส้นกากบาทกลางฝ่ามืออาจมีความอ่อนไหวและระแวงในความรักค่อนข้างมาก ทำให้ประสบความล้มเหลวในเรื่องความรัก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และการปลงสังหาร พวกเขาก็สามารถมีความสุขในความรักได้เช่นกัน

ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากเส้นกากบาทกลางฝ่ามือนี้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยให้พวกเขามีความสุขและสามารถแบ่งปันความรู้ความสามารถให้กับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ในทางที่ผิด อาจกลายเป็นดาบสองคมที่ก่อให้เกิดปัญหาและความล้มเหลวในชีวิตได้


ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือเกี่ยวกับ การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ตัวอย่างเช่น

  1. การประกอบอาชีพ
    คนที่มีสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือมักจะถูกมองว่าเป็นผู้มีบารมีและอำนาจพิเศษ ทำให้เขาได้รับความเชื่อถือและความนิยมจากผู้คนในการประกอบธุรกิจหรืองานที่ต้องการใช้อำนาจและการเมือง เช่น การเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการเป็นหมอ
  2. ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
    ในสังคมไทย คนที่มีสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือมักจะได้รับการยกย่องและการเคารพนับถือจากผู้คนรอบข้าง ทำให้เขามักจะได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับความสนใจ การได้รับการช่วยเหลือ หรือการได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ จากคนรอบข้าง
  3. การดำเนินชีวิต
    ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคมไทย โดยหลายคนจะมีพฤติกรรมที่สื่อถึงการให้ความเคารพและความเชื่อถือในสัญลักษณ์นี้ เช่น การซื้อของมงคล การสักยันต์ หรือการประกอบพิธีกรรมพิเศษ เพื่อเสริมบารมีและอำนาจให้กับตน

ดังนั้น ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือจึงเป็นความเชื่อที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิถีชีวิตและพฤติกรรมของคนในสังคมไทย ทั้งในด้านการประกอบอาชีพ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการดำเนินชีวิตประจำวัน
โดยในปัจจุบันนั้นความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามือยังคงเป็นหนึ่งในความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อคนในสังคมไทย แม้ว่าจะมีการตีความและมองในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสังคมและกระแสโลกาภิวัตน์ที่ส่งผลให้ความคิดและวิถีชีวิตของคนไทยปรับเปลี่ยนไป ความเชื่อเรื่องสัญลักษณ์กากบาทบนฝ่ามืออาจจะค่อยๆ ลดความสำคัญและอิทธิพลลงในอนาคต แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในความเชื่อที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่สำคัญต่อไป

ว่าแต่ไหนใครมี กากบาทบนฝ่ามือกันบ้าง ไม่ว่าจะมือซ้ายหรือมือขวา ลองแบมือออกมา แล้วเป็นอย่างที่เขียนเอาไว้บ้างไหมครับ หากนอกเหนือจากที่เขียนไว้ เล่าสู่ประสบการณ์ให้มามูมะ ฟังบ้าง จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ ให้คนอื่นๆ ได้มาลองอ่านเพิ่มเติมกันดูครับผม ขอบคุณล่วงหน้าหลายๆเด้อพี่น้อง

You may also like

ทดสอบ lemon8
เม้ามอยกับมามูมะ

เมื่อลองลงบทความวันพระ กับ บทความเลขเด็ดจากเชงเม้งเดย์

เมื่อมามูมะบุก lemon8 และทดลองลงโพสต์ใกล้ๆกัน โดยบทความแรกจะเกี่ยวกับวันพระ ทำไมต้องมีวันพระ รวมไปถึง การเล่าเรื่องต่างๆ จนมาจบลงที่ คำทำนายในวันนี้ว่า วันพระวันนี้จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างรวมถึงให้เสี่ยงดวงว่าทำบุญอะไรดีในวันนี้ และ บทความที่สองจะเกี่ยวกับตัวเลขเด็ด เลขจากประทัดที่มามูมะได้เลขมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ในเพจมามูมะครับ และที่แอปบทมือถืออย่าง lemon8 รูปฝั่งซ้ายจะเป็นตัวเลข 2800+ ยอดคนดู สำหรับบทความที่สอง
ความเชื่อและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการตัดผมในวัฒนธรรมไทย
เม้ามอยกับมามูมะ

วันดี วันร้าย ความเชื่อและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการตัดผมในวัฒนธรรมไทย

การตัดผมถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องตัดอยู่เป็นประจำแต่ในวัฒนธรรมไทยกลับมองว่าเป็นพิธีกรรมทางจิตวิญญาณที่สำคัญ เนื่องมาจากความเชื่อและขนบธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เริ่มตั้งแต่การเลือกวันและเวลาในการตัดผม การเลือกใช้เครื่องมือตัดผม ตลอดจนวิธีการจัดการกับเส้นผมที่ตัดออกมา ซึ่งล้วนมีจุดประสงค์เพื่อนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตนและครอบครัว โดยในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักประเพณีและความเชื่อเกี่ยวกับการตัดผมแบบไทยๆ ที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งจะทำให้คุณได้ซาบซึ้งถึงรากเหง้าและสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของคนไทย เพื่อให้ไม่เสียเวลาของคนอ่านมากนัก เรามาดูกันว่า จะมีวันดี วันร้าย ตรงตามที่คุณรู้มาบ้างไหม ลองอ่านกันดูครับผม ในสมัยก่อนชาวบ้านจะเชื่อว่า การตัดผมในวันและเวลาหนึ่งๆ