คุณเคยได้ยินไหมครับว่า… แค่ของบางชิ้นในบ้าน ก็อาจกลายเป็น “ประตู” เรียกสิ่งที่เราไม่อยากเจอเข้ามา… คืนนี้ ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อโบราณของชาวเม็กซิโก จากกบเซรามิกที่ถูกมองว่าเป็นตัวเรียกพลังงานด้านลบ… ไปจนถึงกระจกแตกที่เชื่อว่าเปิดทางให้วิญญาณร้ายเข้ามาได้
ฟังให้จบนะครับ… เพราะคุณอาจพบว่าบางอย่าง… ตอนนี้มันอยู่ในบ้านของคุณแล้วก็ได้
- กบเซรามิก
หลายท่านอาจจะนึกภาพตามนะครับ กบเซรามิกตัวอ้วนกลม สีเขียวสดใส วางประดับอยู่ในสวนหรือมุมห้อง นำความรู้สึกของธรรมชาติเข้ามาในบ้าน… แต่สำหรับชาวเม็กซิกันจำนวนมากแล้ว ของชิ้นนี้กลับเป็นสัญลักษณ์ของความอัปมงคล
ตามความเชื่อโบราณ กบเป็นสัตว์ที่เชื่อมโยงกับน้ำ, กลางคืน, และโลกเบื้องล่าง พวกมันคือตัวแทนของพลังงานที่ชื้นแฉะและหยุดนิ่ง การนำกบเซรามิกเข้ามาในบ้านจึงเปรียบเสมือนการเชื้อเชิญพลังงานด้านลบให้เข้ามาสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณนำมันไปวางไว้ในห้องนอน สถานที่ที่เราเปราะบางและอ่อนแอที่สุดในยามหลับใหล
มีเรื่องเล่าจากครอบครัวหนึ่งในรัฐวาฮากา พวกเขาซื้อกบเซรามิกคู่หนึ่งมาจากตลาดพื้นเมืองเพราะเห็นว่ามันน่ารักดี คืนแรกที่นำกลับมา… ทุกคนในบ้านนอนหลับไม่สนิท ฝันร้ายถึงแต่เรื่องจมน้ำหรืออยู่ในที่ที่เปียกและหนาวเย็น แต่ที่น่าขนลุกที่สุดคือเสียงที่ได้ยินในตอนดึกสงัด… มันไม่ใช่เสียงร้องของกบตามธรรมชาติ แต่เป็นเสียง “ขูด” เบาๆ ที่ดังมาจากมุมห้องที่วางกบเซรามิกคู่นั้นไว้… ราวกับว่ามีบางอย่างพยายามจะขยับตัวออกมาจากดินเผาที่แข็งกระด้าง… ทั้งที่มันเป็นเพียงของตกแต่งที่ไม่มีชีวิต…
- กระจกแตก
ความเชื่อเรื่องกระจกแตกนำมาซึ่งโชคร้ายนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในเม็กซิโก ความเชื่อนี้ดำดิ่งลึกลงไปกว่านั้นมากครับ พวกเขาไม่ได้มองว่ามันเป็นแค่ลางร้าย… แต่มองว่ามันคือ “ประตูมิติที่ถูกเปิดออก”
กระจกในสมัยโบราณถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนได้ทั้งร่างกายและดวงวิญญาณ มันคือโลกคู่ขนานที่ซ้อนทับอยู่กับโลกของเรา เมื่อกระจกแตกออก รอยร้าวนั้นไม่ได้เป็นแค่รอยบนแก้ว แต่คือรอยแยกของมิติ มันคือประตูที่เปิดอ้าซ่าให้ดวงวิญญาณที่สับสนและเร่ร่อนในภพอื่น สามารถเดินทางข้ามมายังโลกของเราได้อย่างง่ายดาย
เรื่องเล่าที่ผมเคยได้ยินมา คือบ้านหลังหนึ่งในย่านเก่าแก่ของเม็กซิโกซิตี มีกระจกบานใหญ่ในห้องโถงเกิดร้าวขึ้นมาเองโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าของบ้านไม่ได้ใส่ใจและคิดว่าจะเปลี่ยนเมื่อมีเวลาว่าง… แต่หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา สมาชิกในบ้านก็มักจะเห็น “เงาดำ” รูปร่างคล้ายคนยืนอยู่ตามมุมมืดของบ้านเสมอ… มันไม่เคยทำร้ายใคร แต่การปรากฏตัวของมันทำให้บรรยากาศในบ้านเย็นยะเยือกและน่าหวาดผวา จนในที่สุดพวกเขาต้องเชิญบาทหลวงมาทำพิธี และสิ่งแรกที่บาทหลวงสั่งให้ทำ คือการนำกระจกบานนั้นออกจากบ้านไปทิ้งให้ไกลที่สุด…
- รูปถ่ายคนตายที่ไม่ได้บูชา
วัฒนธรรมเม็กซิโกให้ความเคารพต่อผู้ล่วงลับอย่างสูง โดยเฉพาะในเทศกาล “วันแห่งผู้ล่วงลับ” หรือ Día de los Muertos ที่พวกเขาจะจัดแท่นบูชาที่เรียกว่า “Ofrenda” อย่างสวยงาม เพื่อเชิญดวงวิญญาณของบรรพบุรุษกลับมาเยี่ยมบ้านอย่างสมเกียรติ… นั่นคือการเชิญอย่างมีแบบแผนและมีขอบเขต
แต่ถ้าหากคุณนำรูปถ่ายของคนตายมาประดับไว้ตามฝาผนังเฉยๆ โดยไม่มีการทำพิธีหรือจัดวางอย่างเหมาะสม… มันเปรียบเสมือนการเปิดประตูเรียกพวกเขาให้กลับมาโดยไม่มีการควบคุม คุณกำลังบอกดวงวิญญาณนั้นว่า “ที่นี่คือบ้านของคุณ กลับมาได้เสมอ” และปัญหาคือ… เมื่อประตูถูกเปิดทิ้งไว้ บางครั้ง… เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว… วิญญาณอื่นที่อยู่ใกล้เคียงอาจจะถือโอกาสติดตามเข้ามาด้วย
ลองนึกภาพตามนะครับ… คุณเพียงต้องการระลึกถึงคุณปู่ที่จากไป แต่กลับต้องได้ยินเสียงกระซิบที่ไม่คุ้นเคยในความมืด หรือเห็นเงาของคนที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเดินผ่านไป… นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเชิญโดยขาดความเข้าใจ
- หุ่นเชิดโบราณ
ตุ๊กตาไม้หรือหุ่นเชิดเก่าๆ ที่มีข้อต่อขยับได้… แม้ในเวลากลางวันจะดูเป็นของเล่นที่น่าทึ่ง แต่ในความมืดของยามค่ำคืน มันกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดชิ้นหนึ่งในบ้าน ความเชื่อของชาวเม็กซิกันมองว่า ของเล่นที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์และถูกทิ้งร้างมานานเหล่านี้ คือ “ภาชนะชั้นดี” สำหรับวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังมองหาร่างสิงสถิต
หลายครอบครัวที่เก็บหุ่นเชิดเก่าของบรรพบุรุษไว้ มักจะเล่าประสบการณ์คล้ายๆ กันว่า… ดวงตาของหุ่นที่ทำจากแก้วหรือไม้ทาสีนั้น… มันจะ “ขยับ” มองตามคุณ แม้จะไม่มีใครไปแตะต้องมันเลย บางคนสาบานว่าเคยเห็นรอยยิ้มที่ถูกวาดไว้บนใบหน้าของหุ่น… ขยับกว้างขึ้นเล็กน้อยในตอนที่คุณเผลอ… เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุข แต่เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันและน่าขนลุก
- นาฬิกาที่หยุดเดิน
สำหรับเรา นาฬิกาที่หยุดเดินอาจหมายถึงถ่านหมดหรือกลไกเสีย… แต่ในมุมมองความเชื่อโบราณของเม็กซิโก มันคือสัญลักษณ์แห่งความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา มันไม่ใช่แค่การบอกว่า “เวลาหมดแล้ว” แต่มันคือการ “ตรึงเวลา” เอาไว้… เวลาแห่งความตาย
เมื่อนาฬิกาในบ้านหยุดเดินโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาฬิกาโบราณที่เป็นมรดกตกทอด… มันถูกตีความว่าเป็นลางร้ายอย่างมหันต์ ว่าเวลาของใครบางคนในบ้านหลังนั้นกำลังจะสิ้นสุดลง เข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง อาจเป็นเวลาเดียวกับที่จะเกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้นในอนาคตอันใกล้… มันคือสัญญาณเตือนจากโลกวิญญาณ ว่า “เวลาแห่งความตาย” กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
- ดอกไม้แห้ง
ชาวเม็กซิโกเชื่อในพลังงานของธรรมชาติอย่างยิ่งครับ ดอกไม้สดที่เบ่งบานจะดึงดูดพลังงานบวก, ความสุข, และความโชคดีเข้ามาในบ้าน แต่ในทางกลับกัน… ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา, แห้งกรอบ, และไร้ชีวิต คือสิ่งที่ดึงดูดพลังงานด้านลบและความเสื่อมโทรม
การเก็บดอกไม้แห้งไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะมาจากช่อดอกไม้ในโอกาสพิเศษที่อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ตาม… เปรียบเสมือนการสร้าง “สุสาน” ของพลังงานชีวิตไว้ในบ้านของคุณ มันเชื้อเชิญความเศร้า, ความเจ็บป่วย, และสิ่งไม่ดีให้เข้ามาเกาะกุมพื้นที่นั้น หลายคนเล่าว่า หลังจากเก็บดอกไม้แห้งไว้ในห้องนอน พวกเขาก็มักจะรู้สึกอ่อนเพลียและหดหู่โดยไม่มีสาเหตุ… เพราะพวกเขากำลังนอนอยู่ท่ามกลางสัญลักษณ์ของความตายทุกคืน
- หน้ากากโบราณ
เม็กซิโกเป็นดินแดนที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรมและพิธีกรรมโบราณ และ “หน้ากาก” ก็คือเครื่องมือสำคัญในพิธีเหล่านั้น หน้ากากไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของประดับตกแต่ง… แต่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น “ประตู” ให้ผู้สวมใส่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าหรือวิญญาณจากโลกอื่นได้
การนำหน้ากากโบราณที่ใช้ในพิธีเหล่านี้มาแขวนไว้ในบ้านโดยที่คุณไม่รู้ที่มาและประวัติของมัน ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะหน้ากากแต่ละชิ้นมี “เจตจำนง” และ “พลังงาน” ของตัวมันเอง พลังงานที่ถูกสะสมมาจากพิธีกรรมนับครั้งไม่ถ้วน หากเป็นหน้ากากที่ใช้ในพิธีบูชายัญหรือสื่อสารกับวิญญาณที่ดุร้าย… คุณก็เท่ากับกำลังแขวนประตูสู่นรกไว้กลางบ้านของคุณนั่นเอง
- ของใช้จากสุสาน
ข้อนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรทราบ แต่ก็ยังมีคนพลาดพลั้งอยู่เสมอครับ สุสานคือสถานที่พักผ่อนของคนตาย เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานของความเศร้าและความผูกพันวนเวียนอยู่ การหยิบฉวยสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน, ดอกไม้, หรือเศษดินจากสุสานกลับบ้าน… ถือเป็นการลบหลู่และเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุด
เพราะคุณจะไม่ได้กลับมาคนเดียว… สิ่งที่คุณหยิบมานั้น มีเจ้าของ… และดวงวิญญาณเจ้าของจะติดตามมันกลับมาที่บ้านของคุณเพื่อทวงคืน และสิ่งที่ตามมานั้น… บางทีก็ไม่ยอมกลับไปง่ายๆ มันจะนำความรู้สึกหนาวเย็น, ความหดหู่, และความโชคร้ายของสุสานติดตามมาหลอกหลอนคุณและครอบครัว จนกว่าคุณจะนำของสิ่งนั้นไปคืนที่เดิม
- ตุ๊กตา “ลา มูนญีคา”
นอกเหนือจากหุ่นเชิดแล้ว ยังมีตุ๊กตาพื้นเมืองบางประเภทที่เรียกว่า “ลา มูนญีคา” ซึ่งมีความเชื่อที่เฉพาะเจาะจงยิ่งกว่า ตุ๊กตาเหล่านี้มักจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือ และในกระบวนการสร้างนั้น บางครั้งก็มีการผูกพันทางจิตวิญญาณ หรือทำขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเด็กที่เสียชีวิตไปแล้ว
หากคุณได้รับตุ๊กตาแบบนี้มาโดยไม่ทราบประวัติ หรือซื้อมาจากร้านขายของเก่าโดยไม่รู้พิธีกรรมที่ถูกต้องในการดูแล… มันอาจนำพาประสบการณ์ที่คุณไม่อยากเจอมาให้ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับการได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแผ่วเบาในตอนกลางคืน หรือเสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งไปมาบนบ้าน ทั้งที่ไม่มีเด็กอยู่ในบ้านเลย… มันคือดวงวิญญาณของเด็กที่ผูกติดอยู่กับตุ๊กตา และกำลังมองหาเพื่อนเล่นในบ้านหลังใหม่… ซึ่งก็คือคุณ
- เทียนที่ดับไม่หมด
ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งทางศาสนาและไสยเวทของเม็กซิโก เทียนคือสัญลักษณ์ของแสงสว่างที่นำทางดวงวิญญาณและปัดเป่าความมืด การจุดเทียนคือการเปิดช่องทางการสื่อสาร แต่การดับเทียนหลังเสร็จพิธีก็สำคัญไม่แพ้กัน… มันคือการ “ปิดประตู”
หากคุณใช้เทียนในพิธีกรรมบางอย่าง แล้วปล่อยให้มันดับไปเองกลางคัน หรือใช้เพียงครึ่งเล่มแล้วเก็บไว้… มันเปรียบเสมือนคุณเปิดประตูทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ เป็นการเปิดทางทิ้งไว้ให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์จากอีกฟากฝั่งหนึ่งสามารถเดินเข้ามาได้อย่างสะดวก… เหมือนคุณโทรศัพท์ไปหาโลกวิญญาณ แล้วไม่ยอมวางสายนั่นแหละครับ
และทั้งหมดนี้ ก็คือ 10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อของชาวเม็กซิโกที่สืบทอดกันมา…
บางท่านอาจจะฟังแล้วคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความเชื่อโบราณ เป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อน… แต่สำหรับหลายๆ ครอบครัวในเม็กซิโก เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่แค่นิทานก่อนนอน มันคือบทเรียนที่แลกมาด้วยประสบการณ์น่าขนหัวลุกที่เกิดขึ้นจริง จนทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงอีกต่อไป
ตอนนี้… ลองใช้เวลาสักครู่… เดินสำรวจไปรอบๆ บ้านของคุณดูสิครับ…
ในบ้านของคุณ… มีของพวกนี้อยู่หรือเปล่า?
ถ้ามี… หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวในคืนนี้แล้ว… คุณยังกล้าวางมันไว้ที่เดิมเหมือนเดิมไหมครับ…
สำหรับใครที่มีประสบการณ์ลี้ลับในบ้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของต่างๆ อยากจะแบ่งปันเรื่องราว หรือมีความคิดเห็นอย่างไร คอมเมนต์ลงมาพูดคุยกันได้เลยนะครับ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนเสมอ ผมอ่านทุกคอมเมนต์ครับ และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับฟังกันมาจนจบ
ฝากกดไลก์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราได้นำเสนอเรื่องราวลี้ลับจากทั่วทุกมุมโลกต่อไป และที่สำคัญ อย่าลืมกดติดตามช่องของเราไว้…
เพราะเรื่องราวที่ยังไม่ถูกเล่าขาน… ยังมีรออยู่อีกมากมาย… และบางเรื่อง อาจจะเกิดขึ้นใกล้ตัวคุณ… มากกว่าที่คุณคิด…
สำหรับคืนนี้… ราตรีสวัสดิ์ครับ…