รวมเรื่องเล่า

EP2. 10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อโบราณของชาวเม็กซิโก

10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อโบราณของชาวเม็กซิโก

คุณเคยได้ยินไหมครับว่า… แค่ของบางชิ้นในบ้าน ก็อาจกลายเป็น “ประตู” เรียกสิ่งที่เราไม่อยากเจอเข้ามา… คืนนี้ ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อโบราณของชาวเม็กซิโก จากกบเซรามิกที่ถูกมองว่าเป็นตัวเรียกพลังงานด้านลบ… ไปจนถึงกระจกแตกที่เชื่อว่าเปิดทางให้วิญญาณร้ายเข้ามาได้

ฟังให้จบนะครับ… เพราะคุณอาจพบว่าบางอย่าง… ตอนนี้มันอยู่ในบ้านของคุณแล้วก็ได้

  1. กบเซรามิก

หลายท่านอาจจะนึกภาพตามนะครับ กบเซรามิกตัวอ้วนกลม สีเขียวสดใส วางประดับอยู่ในสวนหรือมุมห้อง นำความรู้สึกของธรรมชาติเข้ามาในบ้าน… แต่สำหรับชาวเม็กซิกันจำนวนมากแล้ว ของชิ้นนี้กลับเป็นสัญลักษณ์ของความอัปมงคล

ตามความเชื่อโบราณ กบเป็นสัตว์ที่เชื่อมโยงกับน้ำ, กลางคืน, และโลกเบื้องล่าง พวกมันคือตัวแทนของพลังงานที่ชื้นแฉะและหยุดนิ่ง การนำกบเซรามิกเข้ามาในบ้านจึงเปรียบเสมือนการเชื้อเชิญพลังงานด้านลบให้เข้ามาสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณนำมันไปวางไว้ในห้องนอน สถานที่ที่เราเปราะบางและอ่อนแอที่สุดในยามหลับใหล

มีเรื่องเล่าจากครอบครัวหนึ่งในรัฐวาฮากา พวกเขาซื้อกบเซรามิกคู่หนึ่งมาจากตลาดพื้นเมืองเพราะเห็นว่ามันน่ารักดี คืนแรกที่นำกลับมา… ทุกคนในบ้านนอนหลับไม่สนิท ฝันร้ายถึงแต่เรื่องจมน้ำหรืออยู่ในที่ที่เปียกและหนาวเย็น แต่ที่น่าขนลุกที่สุดคือเสียงที่ได้ยินในตอนดึกสงัด… มันไม่ใช่เสียงร้องของกบตามธรรมชาติ แต่เป็นเสียง “ขูด” เบาๆ ที่ดังมาจากมุมห้องที่วางกบเซรามิกคู่นั้นไว้… ราวกับว่ามีบางอย่างพยายามจะขยับตัวออกมาจากดินเผาที่แข็งกระด้าง… ทั้งที่มันเป็นเพียงของตกแต่งที่ไม่มีชีวิต…

  1. กระจกแตก

ความเชื่อเรื่องกระจกแตกนำมาซึ่งโชคร้ายนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในเม็กซิโก ความเชื่อนี้ดำดิ่งลึกลงไปกว่านั้นมากครับ พวกเขาไม่ได้มองว่ามันเป็นแค่ลางร้าย… แต่มองว่ามันคือ “ประตูมิติที่ถูกเปิดออก”

กระจกในสมัยโบราณถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนได้ทั้งร่างกายและดวงวิญญาณ มันคือโลกคู่ขนานที่ซ้อนทับอยู่กับโลกของเรา เมื่อกระจกแตกออก รอยร้าวนั้นไม่ได้เป็นแค่รอยบนแก้ว แต่คือรอยแยกของมิติ มันคือประตูที่เปิดอ้าซ่าให้ดวงวิญญาณที่สับสนและเร่ร่อนในภพอื่น สามารถเดินทางข้ามมายังโลกของเราได้อย่างง่ายดาย

เรื่องเล่าที่ผมเคยได้ยินมา คือบ้านหลังหนึ่งในย่านเก่าแก่ของเม็กซิโกซิตี มีกระจกบานใหญ่ในห้องโถงเกิดร้าวขึ้นมาเองโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าของบ้านไม่ได้ใส่ใจและคิดว่าจะเปลี่ยนเมื่อมีเวลาว่าง… แต่หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา สมาชิกในบ้านก็มักจะเห็น “เงาดำ” รูปร่างคล้ายคนยืนอยู่ตามมุมมืดของบ้านเสมอ… มันไม่เคยทำร้ายใคร แต่การปรากฏตัวของมันทำให้บรรยากาศในบ้านเย็นยะเยือกและน่าหวาดผวา จนในที่สุดพวกเขาต้องเชิญบาทหลวงมาทำพิธี และสิ่งแรกที่บาทหลวงสั่งให้ทำ คือการนำกระจกบานนั้นออกจากบ้านไปทิ้งให้ไกลที่สุด…

  1. รูปถ่ายคนตายที่ไม่ได้บูชา

วัฒนธรรมเม็กซิโกให้ความเคารพต่อผู้ล่วงลับอย่างสูง โดยเฉพาะในเทศกาล “วันแห่งผู้ล่วงลับ” หรือ Día de los Muertos ที่พวกเขาจะจัดแท่นบูชาที่เรียกว่า “Ofrenda” อย่างสวยงาม เพื่อเชิญดวงวิญญาณของบรรพบุรุษกลับมาเยี่ยมบ้านอย่างสมเกียรติ… นั่นคือการเชิญอย่างมีแบบแผนและมีขอบเขต

แต่ถ้าหากคุณนำรูปถ่ายของคนตายมาประดับไว้ตามฝาผนังเฉยๆ โดยไม่มีการทำพิธีหรือจัดวางอย่างเหมาะสม… มันเปรียบเสมือนการเปิดประตูเรียกพวกเขาให้กลับมาโดยไม่มีการควบคุม คุณกำลังบอกดวงวิญญาณนั้นว่า “ที่นี่คือบ้านของคุณ กลับมาได้เสมอ” และปัญหาคือ… เมื่อประตูถูกเปิดทิ้งไว้ บางครั้ง… เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว… วิญญาณอื่นที่อยู่ใกล้เคียงอาจจะถือโอกาสติดตามเข้ามาด้วย

ลองนึกภาพตามนะครับ… คุณเพียงต้องการระลึกถึงคุณปู่ที่จากไป แต่กลับต้องได้ยินเสียงกระซิบที่ไม่คุ้นเคยในความมืด หรือเห็นเงาของคนที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเดินผ่านไป… นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเชิญโดยขาดความเข้าใจ

  1. หุ่นเชิดโบราณ

ตุ๊กตาไม้หรือหุ่นเชิดเก่าๆ ที่มีข้อต่อขยับได้… แม้ในเวลากลางวันจะดูเป็นของเล่นที่น่าทึ่ง แต่ในความมืดของยามค่ำคืน มันกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดชิ้นหนึ่งในบ้าน ความเชื่อของชาวเม็กซิกันมองว่า ของเล่นที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์และถูกทิ้งร้างมานานเหล่านี้ คือ “ภาชนะชั้นดี” สำหรับวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังมองหาร่างสิงสถิต

หลายครอบครัวที่เก็บหุ่นเชิดเก่าของบรรพบุรุษไว้ มักจะเล่าประสบการณ์คล้ายๆ กันว่า… ดวงตาของหุ่นที่ทำจากแก้วหรือไม้ทาสีนั้น… มันจะ “ขยับ” มองตามคุณ แม้จะไม่มีใครไปแตะต้องมันเลย บางคนสาบานว่าเคยเห็นรอยยิ้มที่ถูกวาดไว้บนใบหน้าของหุ่น… ขยับกว้างขึ้นเล็กน้อยในตอนที่คุณเผลอ… เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุข แต่เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันและน่าขนลุก

  1. นาฬิกาที่หยุดเดิน

สำหรับเรา นาฬิกาที่หยุดเดินอาจหมายถึงถ่านหมดหรือกลไกเสีย… แต่ในมุมมองความเชื่อโบราณของเม็กซิโก มันคือสัญลักษณ์แห่งความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา มันไม่ใช่แค่การบอกว่า “เวลาหมดแล้ว” แต่มันคือการ “ตรึงเวลา” เอาไว้… เวลาแห่งความตาย

เมื่อนาฬิกาในบ้านหยุดเดินโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาฬิกาโบราณที่เป็นมรดกตกทอด… มันถูกตีความว่าเป็นลางร้ายอย่างมหันต์ ว่าเวลาของใครบางคนในบ้านหลังนั้นกำลังจะสิ้นสุดลง เข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง อาจเป็นเวลาเดียวกับที่จะเกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้นในอนาคตอันใกล้… มันคือสัญญาณเตือนจากโลกวิญญาณ ว่า “เวลาแห่งความตาย” กำลังใกล้เข้ามาแล้ว

  1. ดอกไม้แห้ง

ชาวเม็กซิโกเชื่อในพลังงานของธรรมชาติอย่างยิ่งครับ ดอกไม้สดที่เบ่งบานจะดึงดูดพลังงานบวก, ความสุข, และความโชคดีเข้ามาในบ้าน แต่ในทางกลับกัน… ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา, แห้งกรอบ, และไร้ชีวิต คือสิ่งที่ดึงดูดพลังงานด้านลบและความเสื่อมโทรม

การเก็บดอกไม้แห้งไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะมาจากช่อดอกไม้ในโอกาสพิเศษที่อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ตาม… เปรียบเสมือนการสร้าง “สุสาน” ของพลังงานชีวิตไว้ในบ้านของคุณ มันเชื้อเชิญความเศร้า, ความเจ็บป่วย, และสิ่งไม่ดีให้เข้ามาเกาะกุมพื้นที่นั้น หลายคนเล่าว่า หลังจากเก็บดอกไม้แห้งไว้ในห้องนอน พวกเขาก็มักจะรู้สึกอ่อนเพลียและหดหู่โดยไม่มีสาเหตุ… เพราะพวกเขากำลังนอนอยู่ท่ามกลางสัญลักษณ์ของความตายทุกคืน

  1. หน้ากากโบราณ

เม็กซิโกเป็นดินแดนที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรมและพิธีกรรมโบราณ และ “หน้ากาก” ก็คือเครื่องมือสำคัญในพิธีเหล่านั้น หน้ากากไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของประดับตกแต่ง… แต่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น “ประตู” ให้ผู้สวมใส่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าหรือวิญญาณจากโลกอื่นได้

การนำหน้ากากโบราณที่ใช้ในพิธีเหล่านี้มาแขวนไว้ในบ้านโดยที่คุณไม่รู้ที่มาและประวัติของมัน ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะหน้ากากแต่ละชิ้นมี “เจตจำนง” และ “พลังงาน” ของตัวมันเอง พลังงานที่ถูกสะสมมาจากพิธีกรรมนับครั้งไม่ถ้วน หากเป็นหน้ากากที่ใช้ในพิธีบูชายัญหรือสื่อสารกับวิญญาณที่ดุร้าย… คุณก็เท่ากับกำลังแขวนประตูสู่นรกไว้กลางบ้านของคุณนั่นเอง

  1. ของใช้จากสุสาน

ข้อนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรทราบ แต่ก็ยังมีคนพลาดพลั้งอยู่เสมอครับ สุสานคือสถานที่พักผ่อนของคนตาย เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานของความเศร้าและความผูกพันวนเวียนอยู่ การหยิบฉวยสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน, ดอกไม้, หรือเศษดินจากสุสานกลับบ้าน… ถือเป็นการลบหลู่และเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุด

เพราะคุณจะไม่ได้กลับมาคนเดียว… สิ่งที่คุณหยิบมานั้น มีเจ้าของ… และดวงวิญญาณเจ้าของจะติดตามมันกลับมาที่บ้านของคุณเพื่อทวงคืน และสิ่งที่ตามมานั้น… บางทีก็ไม่ยอมกลับไปง่ายๆ มันจะนำความรู้สึกหนาวเย็น, ความหดหู่, และความโชคร้ายของสุสานติดตามมาหลอกหลอนคุณและครอบครัว จนกว่าคุณจะนำของสิ่งนั้นไปคืนที่เดิม

  1. ตุ๊กตา “ลา มูนญีคา”

นอกเหนือจากหุ่นเชิดแล้ว ยังมีตุ๊กตาพื้นเมืองบางประเภทที่เรียกว่า “ลา มูนญีคา” ซึ่งมีความเชื่อที่เฉพาะเจาะจงยิ่งกว่า ตุ๊กตาเหล่านี้มักจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือ และในกระบวนการสร้างนั้น บางครั้งก็มีการผูกพันทางจิตวิญญาณ หรือทำขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเด็กที่เสียชีวิตไปแล้ว

หากคุณได้รับตุ๊กตาแบบนี้มาโดยไม่ทราบประวัติ หรือซื้อมาจากร้านขายของเก่าโดยไม่รู้พิธีกรรมที่ถูกต้องในการดูแล… มันอาจนำพาประสบการณ์ที่คุณไม่อยากเจอมาให้ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับการได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแผ่วเบาในตอนกลางคืน หรือเสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งไปมาบนบ้าน ทั้งที่ไม่มีเด็กอยู่ในบ้านเลย… มันคือดวงวิญญาณของเด็กที่ผูกติดอยู่กับตุ๊กตา และกำลังมองหาเพื่อนเล่นในบ้านหลังใหม่… ซึ่งก็คือคุณ

  1. เทียนที่ดับไม่หมด

ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งทางศาสนาและไสยเวทของเม็กซิโก เทียนคือสัญลักษณ์ของแสงสว่างที่นำทางดวงวิญญาณและปัดเป่าความมืด การจุดเทียนคือการเปิดช่องทางการสื่อสาร แต่การดับเทียนหลังเสร็จพิธีก็สำคัญไม่แพ้กัน… มันคือการ “ปิดประตู”

หากคุณใช้เทียนในพิธีกรรมบางอย่าง แล้วปล่อยให้มันดับไปเองกลางคัน หรือใช้เพียงครึ่งเล่มแล้วเก็บไว้… มันเปรียบเสมือนคุณเปิดประตูทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ เป็นการเปิดทางทิ้งไว้ให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์จากอีกฟากฝั่งหนึ่งสามารถเดินเข้ามาได้อย่างสะดวก… เหมือนคุณโทรศัพท์ไปหาโลกวิญญาณ แล้วไม่ยอมวางสายนั่นแหละครับ

และทั้งหมดนี้ ก็คือ 10 สิ่งต้องห้ามในบ้านตามความเชื่อของชาวเม็กซิโกที่สืบทอดกันมา…

บางท่านอาจจะฟังแล้วคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความเชื่อโบราณ เป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อน… แต่สำหรับหลายๆ ครอบครัวในเม็กซิโก เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่แค่นิทานก่อนนอน มันคือบทเรียนที่แลกมาด้วยประสบการณ์น่าขนหัวลุกที่เกิดขึ้นจริง จนทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงอีกต่อไป

ตอนนี้… ลองใช้เวลาสักครู่… เดินสำรวจไปรอบๆ บ้านของคุณดูสิครับ…

ในบ้านของคุณ… มีของพวกนี้อยู่หรือเปล่า?

ถ้ามี… หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวในคืนนี้แล้ว… คุณยังกล้าวางมันไว้ที่เดิมเหมือนเดิมไหมครับ…

สำหรับใครที่มีประสบการณ์ลี้ลับในบ้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของต่างๆ อยากจะแบ่งปันเรื่องราว หรือมีความคิดเห็นอย่างไร คอมเมนต์ลงมาพูดคุยกันได้เลยนะครับ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนเสมอ ผมอ่านทุกคอมเมนต์ครับ และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับฟังกันมาจนจบ

ฝากกดไลก์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราได้นำเสนอเรื่องราวลี้ลับจากทั่วทุกมุมโลกต่อไป และที่สำคัญ อย่าลืมกดติดตามช่องของเราไว้…

เพราะเรื่องราวที่ยังไม่ถูกเล่าขาน… ยังมีรออยู่อีกมากมาย… และบางเรื่อง อาจจะเกิดขึ้นใกล้ตัวคุณ… มากกว่าที่คุณคิด…

สำหรับคืนนี้… ราตรีสวัสดิ์ครับ…

You may also like

เรื่องเล่า จากทางบ้าน ตอน ชายชุดดำคือใครกัน?
รวมเรื่องเล่า

เรื่องเล่าจากทางบ้าน ตอน “ชายชุดดำคือใครกัน”

เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดมาอีกต่อหนึ่งครับ โดยผมจะขออนุญาตเล่าเรื่องนี้เป็นตัวผมแทนครับ จะได้ไม่สะดุดในการอ่านของทุกๆท่าน เรื่องราวนี้น่าจะย้อนไปราวๆ ปี 63-64 ที่ผ่านมาครับบ่ายวันหนึ่ง มีโทรศัพท์ โทรเข้ามา ซึ่ง ไม่บ่อยครั้งที่วันหยุดแบบนี้เพื่อนผมคนนี้จะโทรมาหา หากไม่มีเรื่องอะไร ผมขอเรียกสั้นๆว่าโอ นะครับ หลังจากรับสายเรียบร้อยแล้ว ผมจึงถามโอว่าโอ นายมีอะไรหรอ ถึงโทรมา โอจึงเล่าว่า พอดีวันนี้เรากลับบ้านมาหายายของเรา
เรื่องเล่า จากทางบ้าน ตอน สวดมนต์สยอง
รวมเรื่องเล่า

เรื่องเล่าจากทางบ้าน ตอน “สวดมนต์สยอง”

เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากคนๆ นึงครับ ผมขอเล่าแทนตัวเขา โดย เล่าเป็นตัวผมไปเลยละกันครับมันจะได้อ่านกันแล้ว แบบต่อเนื่องไม่ดูสับสนกันไปนะครับ เรื่องนี้ ย้อนกลับไปตอนช่วงเดือนมีนาคม 2565 ครับ ผมได้รับการติดต่อจากผู้หญิงคนนึง ว่าพอจะช่วยเขาได้หรือไม่พอดีผู้หญิงคนนี้ ได้ลองอ่าน และ ติดตามผมมานานหลายปีวันนี้เลยติดสินใจ ทักเข้ามาใน messenger เพื่อลองสอบถามดู ผมเลยบอกไปว่า ไหนลองเล่ามาก่อนละกัน