ช้างถือเป็นสัตว์สำคัญและมีคุณค่าทางสัญลักษณ์ยิ่งในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะช้างที่มีลักษณะพิเศษครบถ้วนตามคุณสมบัติ 7 ประการตามคชลักษณ์ที่เรียกว่า “ช้างมงคล” หรือ ช้างเผือกพิเศษ ซึ่งตามตำราคชศาสตร์โบราณได้อธิบายถึงกำเนิดและลักษณะของช้างมงคลแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ด้วยกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูกันว่าคุณสมบัติสูงสุดที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล คชลักษณ์ทั้ง 7 ประการนั้นมีข้อใดกันบ้าง
- ตาขาว: ตาของช้างมงคลจะต้องเป็นสีขาวล้วน ไม่มีจุดด่างดำ
- เพดานขาว: เพดานปากของช้างมงคลจะต้องเป็นสีขาวล้วนไม่มีสีอื่นปน
- เล็บขาว: เล็บเท้าทั้ง 5 นิ้วของช้างมงคลจะต้องเป็นสีขาวล้วน
- ขนขาว: ขนบริเวณโคนหางของช้างมงคลจะต้องเป็นสีขาว
- พื้นหนังขาว: หนังของช้างมงคลจะมีสีขาวคล้ายหม้อใหม่
- อัณฑโกศขาว: อัณฑโกศหรืองาของช้างมงคลจะต้องเป็นสีขาว
- หางยาว: หางของช้างมงคลจะต้องยาวแตะพื้น
หลังจากที่เราได้รู้ถึง คชลักษณ์ทั้ง 7 ประการมาแล้ว เราจะมากล่าวถึงตระกูลของช้างมงคล โดยตามตำราคชศาสตร์ ได้จารึกถึงตำนานพระพรหมธาดาหรือพระเจ้าผู้สร้างโลกว่า พระนารายณ์เสด็จลงมายังพิภพ แต่ไม่มีที่ประทับเพราะไม่มีแผ่นดิน จึงประทับบนหลังพระยาอนันตนาคราชในอีกพิภพหนึ่งแทน และต่อมาก็ทรงเนรมิตดอกบัวผุดตรงพระนาภี (สะดือ) ตำนานของผู้สร้างโลกว่าไว้ดอกบัวนั้นก็คือโลกมนุษย์ของเรานี้เอง หลังจากเนรมิตดอกบัวเป็นโลกแล้ว พระนารายณ์ทรงแบ่งกลีบและเกสรดอกบัวเป็น 4 ส่วน นำไปถวายพระพรหม พระอิศวร พระวิษณุ และพระอัคนี ซึ่งต่อมาพระมหาเทพทั้ง 4 ก็ทรงเนรมิตให้เป็นช้างจากกลีบและเกสรบัวนั้นๆ และที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงเป็นที่มาของช้างมงคลทั้ง 4 ตระกูล คือ
พรหมพงศ์ หมายถึง ช้างเผือกตระกูลที่พระพรหมเนรมิต มักมีเนื้อหนังอ่อนนุ่ม หน้าใหญ่ ท้ายต่ำ ขนอ่อนละเอียด เส้นเรียบ ขึ้นขุมละ 2 เส้น สีขาว โขมดสูง คิ้วสูง น้ำเต้าแฝด มีกระเต็มตัว ขนที่หลังหู ปาก ขอบตามีสีขาว อกใหญ่ งาสีเหลือง เรียวรัดงดงาม มีทั้งหมด 10 หมู่ ที่โดดเด่นที่สุดคือ ฉัททันต์ ผิวกายขาวดั่งเงินยวง งาสีเงินยวง และอุโบสถ ขนและงาสีทอง เป็นช้างแห่งอายุยืนยาว สูงส่งด้วยวิทยาการ ในชาดกกล่าวถึงพระพุทธเจ้าครั้งเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ในชาติภพที่เป็นช้างเผือกจะถือกำเนิดเป็น พระยาฉัททันต์
อิศวรพงศ์ หมายถึง ช้างเผือกตระกูลที่พระอิศวรเนรมิต ผิวกายดำสนิท งาอวบ งอนเสมอกันทั้งสองข้าง เท้าใหญ่ น้ำเต้ากลม คอย่น ขณะเยื้องย่าง อกใหญ่ หน้าเชิด แยกเป็น 8 หมู่ ที่โดดเด่นที่สุด คือ อ้อมจักรวาล มีงาขวางามกว่างาซ้ายอ้อมโอบงวง และกัณฑ์หัตถ์งาซ้ายจะยาวกว่างาขวาอ้อมโอบงวงเช่นกัน เป็นช้างแห่งความสุขและเจริญด้วยทรัพย์สินและอำนาจ
วิษณุพงศ์ หมายถึง ช้างเผือกตระกูลที่พระวิษณุเนรมิต ผิวหนา ขนหนาเกรียน สีทองแดง อก คอ คางใหญ่ หางยาว งวงยาว หน้าใหญ่ นัยน์ตาขุ่น หลังราบ แยกเป็น 6 หมู่ ที่โดดเด่นที่สุด คือ สังขทันต์ มีงาอวบเรียวเหมือนสังข์ร้องได้ 2 เสียง ตอนเช้าเสียงเสือ ตกเย็นเสียงไก่ขัน และดามหัสดินทร์ มีกายสีทองแดง เป็นช้างแห่งชัยชนะ พลาหาร ธัญญาหารและน้ำฝนจะอุดมสมบูรณ์
อัคนีพงศ์ หมายถึง ช้างเผือกตระกูลที่พระอัคนีเนรมิต ท่วงท่างดงาม เดินเชิดงวง อกใหญ่ งาทั้งสองโค้งพอจรดกัน สีเหลืองจนสีขาวปนแดง ผิวกายคล้ายสีใบตองตากแห้ง แยกเป็น 42 หมู่ ที่น่าสังเกต คือ ช้างที่มีผิวกายประหลาดแต่ตกชั้นหรือขาดคชลักษณ์สำคัญอื่นๆ จะอยู่ในตระกูลนี้ด้วย หากได้ขึ้นระวางเป็นช้างสำคัญ ผิวกายจะปกติ แต่รูปร่างปราดเปรียว งาจะอวบสั้น คชลักษณ์งดงามกว่าช้างสามัญธรรมดาทั่วไป ซึ่งก็จัดอยู่ในตระกูลนี้เช่นกัน ส่วนช้างตามคชลักษณ์ที่สองจะเรียกว่า “ช้างเนียม” ในราชพงศาวดารได้รับพระราชทานนามเป็น มณีจักร ก็อยู่ในตระกูลนี้ โดยช้างตระกูลอัคนีพงศ์ ยังแบ่งเป็นช้างเผือกและช้างเนียม
นอกจากคุณสมบัตินี้แล้ว ช้างมงคลยังต้องมีลักษณะงามสง่า ครบถ้วนด้วยงวงสูง หางพันหลังสูง หน้าผากโหนกนูน ตาโตกลมสวย หูตั้งตรง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ความมั่งคั่ง ปัญญาญาณ และความเจริญก้าวหน้า
ช้างมงคลหรือช้างสำคัญทั้ง 4 ตระกูลตามตำราคชศาสตร์โบราณนี้ ล้วนแต่มีความหมายและคุณค่าสูงในความเชื่อเรื่องของสัญลักษณ์ ความมั่งคั่งร่ำรวย อำนาจ ชัยชนะ ความสุข และสิริมงคล ซึ่งมีรากฐานมาจากตำนานพระพรหมธาดาเนรมิตดอกบัวให้เป็นโลกมนุษย์ของเรา การรักษาตำนานและภูมิปัญญาคชลักษณ์เหล่านี้จึงเป็นมรดกอันล้ำค่า และในปัจจุบันช้างมงคลยังคงได้รับความเคารพนับถือจากคนไทย มีการจัดตั้งสถานที่เฉพาะเพื่ออนุรักษ์และดูแลช้างเผือกพิเศษเหล่านี้ เช่น ศูนย์ช้างเผือกแห่งชาติ จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งมรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมของคนไทยสืบไป
คาถาบูชาพญาคชสาร
(ตั้งนะโม 3 จบ)
(ตั้งจิตอธิฐาน) อุ อุ อะ มะ (ว่า 3 จบ)
อันจะช่วยเสริมส่งให้มีแต่ผู้คนเมตตาคอยให้ การสนับสนุน และ เสริมความสมดุลในชีวิต
หากให้ใครที่นับถือ และบูชาเครื่องรางมงคลอันมาจากช้างมหามงคลนี้ให้หมั่นท่องบูชาอยู่เสมอก็จะสัมฤทธิ์ผล