สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากชวนทุกคนมานั่งคุยกันเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะเคยเจอ หรือบางคนกำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงวันโกนหรือวันพระ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยจำนวนมากจะถือศีล ทำบุญ เข้าวัด หรือสวดมนต์ หลายคนเล่าว่า ช่วงนี้จะรู้สึกว่าตัวเองนอนหลับยากกว่าปกติ ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงตีสาม ตีสี่ พอตื่นแล้วก็กลับไปนอนไม่ได้อีก บางครั้งต้องนอนตาค้างจนถึงเช้า หรือกว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปตีห้าหกโมง
บางคนเล่าว่า ขณะนอนอยู่ดี ๆ จะได้ยินเสียงประหลาด เหมือนมีคนเดินรอบบ้าน ได้ยินเสียงคนเรียก หรือรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาอยู่ข้าง ๆ เตียง ทั้งที่บ้านเงียบมาก ไม่มีใครอยู่ด้วย บางครั้งยังมีความฝันแปลก ๆ เช่น ฝันว่าไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยเห็นมาก่อน บางคนฝันว่าตัวเองกำลังทำบุญ เดินเวียนเทียน หรือฝันเห็นคนแปลกหน้า บางคนอาจฝันเหมือนกำลังล่องลอยไปที่ไกล ๆ
หลายคนที่เจออาการแบบนี้ จะรู้สึกไม่สบายใจ กังวล และนอนไม่หลับ ต้องลุกมาสวดมนต์ บางคนเลือกนั่งสมาธิ หรือแผ่เมตตา แผ่ส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร หรือสิ่งที่ไม่เห็น เพื่อให้จิตใจสงบลง
ในมุมมองทางพุทธศาสนา วันโกนหรือวันพระ ถือเป็นวันสำคัญที่เน้นการปฏิบัติธรรม ทำบุญ รักษาศีล ฟังธรรม เป็นวันที่พลังงานจิตละเอียดกว่าปกติ เชื่อกันว่าจิตของเราจะอ่อนไหวและเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ทำให้บางคนที่จิตไว หรือคิดมาก มักจะสัมผัสพลังงานรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น บางคนอาจรู้สึกถึงสิ่งที่คนอื่นไม่รู้สึก หรืออาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเตือนหรือสื่อสารกับเรา
ถ้ามองในมุมวิทยาศาสตร์ การตื่นตอนตีสามหรือตีสี่ อธิบายได้ว่าตรงกับช่วงวงจรการนอนที่เรียกว่า REM Sleep หรือช่วงหลับฝัน ซึ่งเป็นช่วงที่สมองจะประมวลผลความทรงจำ ความคิด ความเครียดต่าง ๆ ถ้าร่างกายหรือจิตใจเรามีความเครียดสะสม หรือจดจ่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาก ๆ จะกระตุ้นให้สมองตื่นขึ้นมากลางดึกได้ง่าย และเมื่อตื่นแล้ว ร่างกายยังไม่พร้อมกลับเข้าสู่การนอน ทำให้รู้สึกนอนไม่หลับ
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่หลายคนพูดถึงกันมาก คืออาการที่คนไทยเรียกว่า “ผีอำ” หรือ Sleep Paralysis ในทางการแพทย์ เป็นภาวะที่สมองตื่น แต่ร่างกายยังไม่ตื่น ทำให้ขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเหมือนโดนกดทับ บางคนอาจได้ยินเสียง หรือเห็นเงาดำ ๆ ในห้อง ในทางความเชื่อไทย จะเชื่อว่าเป็นผี หรือสิ่งลี้ลับมานั่งทับ ในคืนวันพระหรือคืนที่จิตเราตื่นตัวมากขึ้น โอกาสเจออาการนี้จะยิ่งสูงขึ้น
หลายคนที่ปฏิบัติธรรม หรือเคยเข้าสู่การปฏิบัติกรรมฐาน จะรู้จักคำว่า “จิตละเอียด” ในคืนวันพระหรือวันโกน จิตของเราจะสงบและมีโอกาสเข้าสู่ภาวะละเอียดได้ง่ายขึ้น ถ้าเราไม่เตรียมจิตให้ดี จิตที่ละเอียดจะรับความกลัว ความกังวล ความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาได้ง่าย บางครั้งจึงแสดงออกมาในรูปแบบของการฝันประหลาด หรือความรู้สึกหลอนตอนกลางดึก
บางคนฝันว่าไปสถานที่ที่ไม่เคยไป เหมือนกับถูกพาไปที่ไกล ๆ หรือเจอคนแปลกหน้า บางครั้งอาจจะเป็นสัญญาณเตือน หรือการปลดปล่อยพลังงานบางอย่าง บางคนอาจมองว่าเป็นการเดินทางของจิต หรือที่บางสำนักเรียกว่า “จิตท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางจิตที่เกิดขึ้นจริงในหลายวัฒนธรรม เช่น แนว Dream Yoga ในทิเบต ที่จะใช้ช่วงฝันในการฝึกจิต ฝึกสติ และสังเกตสภาวะจิตใจของตนเอง
ถ้าพูดถึงการเตรียมตัวก่อนนอนในคืนวันพระ หลายสำนักแนะนำให้ก่อนนอน สวดมนต์บทสั้น ๆ เช่น พุทโธ หรือบทเมตตาสูตร เพื่อปรับจิตให้สงบ ถ้าใครรู้ตัวว่าจิตไว หรือมักมีอาการตื่นกลางดึก ควรหลีกเลี่ยงการดูหนังผี ข่าวเครียด หรือเรื่องกระตุ้นอารมณ์ก่อนนอน เพราะจะทำให้จิตอยู่ในภาวะตื่นตัว
เมื่อเราตื่นขึ้นมากลางดึก สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งตกใจ อย่าหยิบมือถือขึ้นมาเล่น หรือดูโซเชียล เพราะแสงจากหน้าจอจะกระตุ้นสมองให้ตื่นยิ่งกว่าเดิม ให้ลองนอนนิ่ง ๆ หายใจลึก ๆ หรือสวดมนต์เบา ๆ ในใจ บางคนจะใช้บทไตรสรณคมน์ บทชินบัญชร หรือบทสวดแผ่เมตตา เพื่อปรับจิตให้ผ่อนคลาย
สำหรับคนที่เชื่อเรื่องการแผ่เมตตา สามารถอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร หรือสิ่งที่มาปรากฏในจิตได้ เชื่อว่าการแผ่เมตตาจะช่วยให้ทั้งเรารู้สึกสงบ และเป็นการคลายพลังงานไม่ดีออกไปพร้อมกัน
หลายคนที่ปฏิบัติสมาธิจริงจัง จะเจอประสบการณ์ว่า ตัวเองนอนน้อยลง แต่รู้สึกสดชื่นกว่าการนอนนาน ๆ เพราะจิตได้พักจริง ๆ แม้เวลาหลับจะสั้น การฝึกสมาธิทำให้จิตเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ไม่แบกรับความคิด ความกังวล หรือความกลัว จึงทำให้หลับลึก และตื่นมาสดใส
บางครั้ง การฝันหรือการนอนไม่หลับในคืนวันพระ อาจเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตจิต เห็นความคิด ความยึดติด หรือแม้กระทั่งความกลัวในใจลึก ๆ ของตัวเอง การไม่พยายามกด หรือหนี แต่เฝ้าสังเกตอย่างมีสติ จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น
สำหรับบางคนที่ฝันถึงสิ่งแปลก ๆ เช่น ไปสถานที่โบราณ ไปที่ที่ไม่คุ้น หรือฝันเห็นภาพซ้ำ ๆ หลายครั้ง มีความเชื่อว่านั่นอาจเป็นการเชื่อมต่อกับอดีตชาติ หรือเป็นการปลดล็อกกรรมเก่าที่เรายังติดค้าง บางคนจะรู้สึกว่า หลังจากฝันแปลก ๆ ตื่นมาแล้วใจเบา รู้สึกโปร่งขึ้น เหมือนกับได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกไป
สำหรับคนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน หรือใครที่กำลังประสบอยู่ตอนนี้ สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งกลัว แต่ให้ลองค่อย ๆ สังเกตจิตใจ และดูว่ามีอะไรในใจเราที่ยังค้างคา หรือกำลังรอให้เรารับรู้ การแผ่เมตตา การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ สามารถช่วยให้จิตกลับเข้าสู่สมดุลได้
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากไว้ว่า อาการตื่นกลางดึก นอนไม่หลับ ฝันแปลก ๆ โดยเฉพาะในวันพระ อาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลจนเกินไป แต่มันอาจเป็นโอกาสให้เราได้หยุด และกลับมาสำรวจจิตใจของตัวเองมากขึ้น
ใครที่เคยเจอ หรือกำลังเจอประสบการณ์แบบนี้ ลองเล่าสู่กันฟังได้นะครับ ว่ารู้สึกยังไง มีวิธีจัดการยังไง เผื่อจะเป็นกำลังใจ และเป็นแนวทางให้กับคนอื่น ๆ ที่อาจกำลังเจอเหมือนกัน
ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ ฝากกดไลก์ กดติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน จะได้ไม่พลาดเนื้อหาธรรมะ จิตวิญญาณ และเรื่องเล่าลึก ๆ ที่จะคอยมาแบ่งปันกันนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ฟังจนจบ แล้วเจอกันใหม่ในตอนต่อไป สวัสดีครับ

