สำหรับเรื่องราวเหล่านี้ ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณโอมอีกต่อนึงนะครับ โดยผมจะขออนุญาต เล่าเรื่องนี้เป็นตัวผมแทนครับ จะได้ไม่สะดุดในการอ่านของทุกๆท่านครับ
ก่อนจะเริ่มเรื่องราวที่ผมจะเล่าในวันนี้ ผมขอใช้เวลาสักนิส ในการเล่าคร่าวๆว่าตัวละครหลักๆ จะมีใครบ้าง นั่นคือ กลุ่มของผมนั้น จะมี ผม อาร์ม และ น้องเอก พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกัน มักจะรวมตัวกันไปหาอะไรกินไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟ่ หมูกะทะ ชาบู แนวๆนี้ที่ไหนเปิดใหม่ก็มักจะชวนไป รวมถึงชวนกันไปมูกันบ้าง พวกวัดต่างๆ ครับ
งั้นเรามาเข้าเนื้อหากันเลยนะครับ วันนั้นเป็นวันพฤหัส ผมจำได้อย่างดี อยู่ดีๆ ก็มีข้อความเข้ามาใน fb ในกลุ่มของพวกเรา 3 คน ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ อาร์มนั่นเอง อาร์มทักมาว่า อาร์มิตย์นี้ พวกนายว่างกันไหม เบื่อๆ เราออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีไหม ไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ ผมและเจ้าเอก ต่างก็ใจตรงกัน บอกไปว่าได้สิ เอาเลย เดี๋ยวรีบเคลียร์งานกัน แล้วมาเจอสักวันศุกร์ ออกเดินทางกันสักราวๆ 2-3 ทุ่มก็แล้วกัน ไปถึงดึกหน่อยก็หา โรงแรมนอนพัก แล้วค่อยไปเที่ยวกัน หลังจากตกลงกันเสร็จ
พวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน นั่นนี่นู๋น จนมาถึง วันศุกร์ วันที่พวกเรานัดกันว่า จะเจอกัน ด้วยความที่เราอาศัยรถเจ้าอาร์มในการไปลุยครั้งนี้ อาร์มบอก ขอทำงานแปปนะ
เดี๋ยวให้ น้องเอกมาหาผมก่อน รวมกันเสร็จ แล้วเดี๋ยวไปรับ ด้วยความฟิตของน้องเอก มันรีบมาหาผมเจอหน้ากันช่วงเวลา ทุ่มเศษๆ เห็นจะได้ หลังจากที่ผมลงไปรับเจ้าเอก
อ่อลืมบอก ไป ผมอยู่คอนโดนะครับ หลังจากขึ้นมาก็เม้ามอย แล้วก็ ส่งข้อความไปบอกในกลุ่มว่า เอกถึงแล้วนะ อาร์ม นายออกมารึยัง นัดกัน 2 ทุ่มนะ จะได้รีบเจอรีบออก
ไปหาข้าวกินกัน แต่แปลกครับ พวกเราต่างพยายาม ทั้งทักหา ทั้งพิมพ์หา ก็เงียบแต่ด้วยเวลาที่ยังไม่ถึงเวลานัดดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป พอสัก 2 ทุ่มผมบอกให้น้องเอก
ช่วยพิมพ์บอกหน่อย พอดีผมกำลังเชคของที่ต้องออกเดินทาง น้องเอกก็ขยันมาก ทั้งพิมพ์ ทั้งโทรไปหา แต่ก็เงียบกริบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากอาร์มเลย หลังจากเวลาผ่านไปนานมากจนถึง 4 ทุ่ม ผมและน้องเอก เลยลงความเห็นว่า ไม่ไปดีกว่าหมดอารมณ์กันอย่างแรง เลยพิมพ์ไปบอก อาร์มว่า เห้ย อาร์มพวกเรา สองคน
ตัดสินใจไม่ไปแล้วนะ เดี๋ยวเราพาเอกไปหาข้าวกินแถวนี้ดีกว่า ถ้านายเห็นข้อความรึ ว่างแล้ว ก็ไม่ต้องรีบนะ พวกเราไปหาข้าวกินกันละ นายทำอะไรทำไปเลยนะ หลังจากส่งนั้นไม่นาน อาร์มทักกลับมาน่าจะเกือบเที่ยงคืนได้ว่า ขอโทษที่ช้า ขอโทษที่สาย เราทะเลาะกับแฟนมาด้วย ขอมาหาได้ไหม พวกนายอยู่ไหนกัน
เอกบอกว่า ผมอยู่กับพี่โอมที่คอนโดครับพี่ อาร์มเลยบอกเออๆ งั้นขอไปนอนกับพวกนายได้ไหม ด้วยความที่พวกเราพอจะรู้อะไรๆ มาบ้าง พวกเราเลยบอก งั้นก็มาเถอะ ไม่เป็นไร มีที่นอนอยู่แล้ว หลังจากที่เรารอมาสักพักใหญ่ๆ พอได้เวลาปุ๊ป เหมือนด่าในใจได้สักพัก เจ้าอาร์มก็โทรมาบอกว่า ถึงแล้ว ลงมารับผมหน่อยคร้าบบบ
ผมจึงให้เจ้าเอกลงไปรับเจ้าอาร์มขึ้นมาบนคอนโด พอมาถึงห้องเสร็จมันก็บ่นแหลกนั่นนี่นู๋น พวกเราก็ถามว่า เอาตรงๆไปทำอะไรมาถึงเบี้ยวนัด ทั้งๆที่นายก็เป็นคนนัด
พวกเราว่าจะไปต่างจังหวัดนะ ถ้านายไม่นัด พวกเราคงแยกย้ายไปทำอย่างอื่นกันแล้ว หลังจากคาดคั้นอยู่นาน มันถึงมาบอกว่า มันไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กะว่าไปหาไม่นาน
แล้วจะรีบตามมาหาพวกเรา แต่ด้วยการเล้าหลือ อะไรก็ตาม ทำให้ยืดเยื้อ จนเลยเวลาที่นั่นกัน พวกเราก็ได้แต่ถอนหายใจกัน เรียกว่า เบื่อกันเลยแต่คงเพราะความเป็นเพื่อนของพวกเรา
ที่ยังคงมีอยู่ ก็ได้แต่ ช่างมันไป แค่ด่าไปนิดๆหน่อยๆ คุยกันสักพักผมเริ่มจะง่วงๆเลยบอกว่านอนกันก่อนไหม เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้ต่อละกัน
มันก็บอกว่าได้ๆ พวกเราจึงต่างเตรียมตัวนอนปิดไฟเรียบร้อย แต่หลังจากผมปิดไฟ….. นอนไปได้สักพักเดียวเท่านั้น อยู่ๆ.. ก็มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังขึ้นมา ฮือๆ โหยหวน กวนใจเป็นอย่างมาก ตรงบริเวณที่เจ้าเอกและอาร์มนอนอยู่ แต่ผมคิดในใจแบบดังๆว่า ช่างมันละกัน นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยละกันว่าเกิดอะไรขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์กว่าพวกเราจะตื่นกันมาสายแล้ว หลังจากที่ทุกคนตื่นมาพร้อมเพียงกัน ผมเดินไปนั่งอยู่ใกล้ๆ อาร์มและเอก จากนั้นผมก็เริ่มเปิดหัวข้อเลยว่า ทำไมมึงถึงเบี้ยวพวกกู เอาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม อาร์มทำหน้าตาซึมๆ แล้วบอกมาว่า กูขอโทษ กูรู้ว่ากูผิดนะ จริงๆกูอะ จะรีบมาหาพวกมึงนั่นแหละ
แต่ว่า น้องเขาทักมาหากู บอกว่าอยากเจอ กูเห็นว่า พอมีเวลา เลยไปหาน้องเขา กะว่าไปหาแปปเดียว แล้วจะรีบมาหาพวกมึง แต่ไม่รู้ทำไม กูถึงอยู่กับน้องลากยาวมากจนพวกมึงทั้งโทร ทั้งตามกูนี่แหละ กูเลยบอกน้องเขาว่าต้องไปแล้ว เลยได้ออกมานี่แหละ แถมทะเลาะกับแฟนอีก เลยต้องมา นอนกับพวกมึงตรงนี้นี่ไง สักพักอยู่ดีๆ อาร์มก็ร้องไห้บอกว่า กูรู้ กูผิด กูขอโทษ ยกโทษให้กูได้ไหม กูควบคุมตัวเองไม่ได้ กูอยากไป แต่ทำไมไม่รู้ กูถึงปฎิเสธน้องเขาไม่ได้ กูแค่อยากไปหาน้องเขา อยากไปมีความสุขกับน้องเขา
กูผิดด้วยหรอ เสียงร้องฮือๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง ร้องออกมา ซึ่งมันไม่น่าจะฟังเท่าไหร่
ผมและน้องเอก มองหน้ากัน พูดพร้อมกันว่า มึงน่าจะโดนทำของใส่แล้วแน่ๆ เพราะอะไรรู้ไหม ผมจึงหันไปถามน้องเอกว่า เมื่อคืนตอนที่พวกเราปิดไฟนอนกันแล้ว
เอกได้ยินเสียงอะไรไหม มันสวนมาว่า พี่ก็ได้ยินหรอ ผมได้ยินเสียงพี่เขาร้องไห้ แต่ไม่ใช่เสียงพี่เค้าครับ ผมตอบกลับไปว่าใช่สิ ไม่งั้นจะถามหรอว่าได้ยินเสียงอะไรไหมหลังจากผมนิ่งและคิดอยู่สักครู่ ผมจึงเดินไปหยิบน้ำเปล่า ยี่ห้อหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเริ่มทำพิธีทำน้ำมนต์ ตามแบบฉบับที่ได้ร่ำเรียนมานั้น หลังจากบริกรรมพิธีไปได้ไม่นาน
ผมจึงไปหยิบแก้วน้ำมาแก้วหนึ่ง จากนั้นให้น้องเอก ส่งต่อให้เจ้าอาร์มไป แล้วบอก อาร์มว่า ถ้าไม่เชื่อลองกินน้ำมนต์ที่ปลุกเสกขึ้นมา เดี๋ยวก็รู้เองแหละว่าโดนทำของใส่หรือไม่
หลังจากอาร์มหยิบแก้วน้ำไป พร้อมปากดี บอกพวกผมว่า มันก็แค่น้ำเปล่า กินไปไม่อ้วก เหมือนครั้งนั้นหรอกที่ทำให้กิน ไม่เชื่อ เดี๋ยวจะกินให้พวกนายดูอาร์มกระดกน้ำมนต์ที่ผมทำให้ อึกๆ หมดแก้วเลย สักพักมันหันมาบอกว่าไม่เห็นเป็นอะไรนี่ เชื่อหรือไม่ครับ ไม่นานเกิน 3 วิได้ อาการจะอ้วกของอาร์มเริ่มออกมา
มันเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็วพุ่งไปยังห้องน้ำ ที่เปิดประตูเอาไว้ จากนั้นผมได้ยินเสียงดังอ้วกๆ ผมรีบหันไปบอกให้น้องเอก เดินตามไปช่วยลูบหลังให้เจ้าอาร์มมัน หลังจากอ้วกไปได้สักพักเดียว ผมได้ยินเสียงกรี๊ด เป็นเสียงของผู้หญิงออกมา ขณะที่เจ้าอาร์มอ้วก ผมหันไปมองหน้า น้องเอก น้องเอกถามว่า พี่ได้ยินเสียงใหม่
โดยระหว่างนั้นพวกผมทำการอัดคลิปวีดีโอ เอาไว้ เพื่อให้อาร์มได้ดูในภายหลังว่า เกิดอะไรขึ้น หลังจากกินน้ำมนต์ของผมไป หลังจากที่มันอ้วกมาได้สักพัก น่าจะหมดแล้ว
พวกเราทั้ง 3 เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมานั่งคุยกัน คำถามแรกที่ อาร์มหันกลับมาถามผมว่า เห้ยยย จริงหรอเนี่ย กูโดนทำของอีกแล้วหรอ ผมตอบว่าใช่ นี่มันก็แค่น้ำเปล่า ไม่เชื่อให้เจ้าเอกกินดู เอกพยักหน้า พร้อมทั้งกินน้ำจากขวดๆ นั้นที่ผมได้ทำพิธีไว้ สรุป เอกกินแล้วไม่อ้วก ไม่เป็นไร แถมหันไปบอกว่า น้ำหวานเจี๊ยบเลยพี่
เท่านั้นแหละ เจ้าอาร์มบอก เหยยย น้องเขาทำของใส่กูหรอเนี่ย มิน่าทำไมกูถึงหลงน้องเขาขนาดนี้ อยากอยู่ใกล้ คิดถึง อยากโทรหา อยากได้ยินเสียงตลอดเวลา
ผมบอก ก็ทำให้ดูแล้วไง ว่าโดนจริงๆ คนบ้าอะไร กินแค่น้ำ แล้วจะวิ่งไปอ้วกได้ขนาดนั้น หลังจากผมเทศน์ไปได้สักพัก เริ่มหิว ดูเวลาแล้วบอกว่า เพื่อนๆ ถึงเวลาลงไปกินข้าวกันละ
หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ขึ้นมา ทำกิจกรรมนั่นนี่นู่น น้องเอกนั่งดูการ์ตูน netflix ไป เล่นเกมส์กับอาร์มไป ส่วนผมก็นั่งอ่านการ์ตูน นอนเล่นไปเพราะเพลียๆอยู่
แต่ระหว่างนั้น อาร์มก็จะมักออกไปโทรศัพท์ข้างนอกบ้าง หยิบโทรศัพท์ chat แอบๆบ้างเป็นระยะๆ พวกผมก็ได้แต่เฝ้าจับตาดูอยู่แต่ไม่ได้พูดอะไรมากเท่าไหร่
ตัดภาพมาที่ตอนอาหารเย็น ผมดูเวลาแล้วว่าราวๆ 1 ทุ่มเห็นจะได้ ผมจึงบอกกับ 2 หนุ่มว่า เหย หิวข้าวแล้ว เวลากินข้าว ปะ ปิดทุกอย่างแล้วลงไปหาข้าวกินกัน
หลังจากลงข้างล่างคอนโด วันนี้ ผมอยากทานพวกอาหารตามสั่งแถม มีร้านสเต็กติดกัน เลยบอกว่า งั้นวันนี้พวกเรากินร้านนี้กัน พวกมันตอบว่าได้ๆ อยากกินพอดี
พอมานั่งที่โต๊ะได้ ต้องเล่าก่อนว่า ผมและอาร์มจะนั่งติดกัน ส่วนน้องเอกจะนั่งอยู่ตรงข้ามอาร์มครับ หลังจากเรานั่งไปได้สักพัก อาหารก็เริ่มมา ก็เม้ามอยคุยตามประสา จำได้ว่า ไม่น่าเกิน 5 นาทีได้ เจ้าเอก หันมาหาผมแล้ว ถามผมว่า พี่โอมๆ พี่ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกพี่อาร์มไหม ผมบอกแว่วๆ นะ เชื่อไหมครับ
จังหวะ มันโบ๊ะบ๊ะมากเลย มันมีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาอาร์ม อาร์มรับสายแล้วก็คุยๆ สักพักก็วางสายไป พร้อมทั้งหันมาบอกพวกผมว่า พวกนายกินข้าวไปก่อนนะ เราอิ่มเรา
เดี๋ยวเราขอตัวไปรับน้องเขาหน่อยได้ไหม น้องเขาโทรมาหาบอกว่า อยากเจอ มารับไปกินข้าวหน่อย ผมหันไปมองหน้าแล้วบอกว่า หยุดเลย อาร์ม นายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น
กินข้าวไปแล้วก็ไม่ต้องไปหาด้วย มันก็สวนมาว่า ขอเถอะ ชม เดียว เดี๋ยวกูกลับมาหาพวกเมิงนะๆ ผมบอกว่าไม่ต้อง กินข้าวไป มันบอกก็ได้ๆ กินข้าวก็กินข้าว หลังจากมันตักข้าวเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ อยู่ดีๆ เจ้าเอกหันมาหาผมแล้วบอกว่า พี่โอมๆ ดูพี่อาร์มสิ เหงื่อแตกมากเลยพี่ อากาศมันก็ดูไม่ร้อนเท่าไหร่ ผมก็บอกว่าใช่
ผมไม่ร้อนนะ เฉยๆ มาก ทำไมตัวมันมีแต่เหงื่อเยอะมากขนาดนี้ สักพัก มือของเจ้าอาร์มสั่นพับๆ ข้าวกระจัดกระจายลงบนโต๊ะ บอกไม่ไหวอยากไปหาน้องเขาเหลือเกิน
ผมเห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงได้กำหนดจิตอยู่ครู่หนึ่ง สักพักมีลมเย็นๆพัดเข้ามา พอช่วยทำให้คลายร้อนได้ ไม่นานอาการของอาร์มค่อยๆขึ้นดีขึ้น แต่ผมคิดว่า ถ้ายังจะดื้อ ฝืนกินข้าวต่อไป อาการน่าจะหนักมากกว่านี้เลยรีบบอกให้น้องเอกรีบกินข้าวไวๆ จะได้พาเจ้าอาร์มรีบเดินกลับห้องกัน อยู่ห้องของผมน่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก
หลังจากเรียกกินเสร็จ เก็บเงิน ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเคลื่อนพลกลับห้องกัน ระหว่างทางนั้น เรียกว่าอาการของอาร์มค่อนข้างจะหนักเลยทีเดียว
มันทั้งเหงื่อแตก แถมมือข้างหนึ่งมันมาจับแขนผมไว้แถมตัวค่อนข้างสั่น เกร็งมืออย่างมาก จนเรียกว่า จิกแขนผมเลยก็ว่าได้ ผมบอกว่า อาร์ม นายแข็งใจหน่อยนะ
อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงห้องเราแล้ว เราเร่งฝีเท้ากันอย่างมาก กว่าจะถึงห้องได้ ทำไมวันนี้มันช่างนานกว่าปกตินะ หลังจากถึงห้องเข้ามานั่งพักเหนื่อยได้สักพัก
อาการของอาร์มเริ่มออกมากกว่าเดิม คือบ่นว่าร้อนมากไม่ไหว เหงื่อแตกเยอะมาก ทั้งๆที่ตอนนั้นในห้องเปิดแอร์แล้วนะครับ จนผมต้องบอกไปว่า เอก หยิบเก้าอี้ไปให้พี่อาร์ม
เขานั่งหน่อยตรงหน้าแอร์ แล้วก็เปิดพัดลมให้พี่เขา สักพักหลังจากที่อาร์มนั่งลงไป อาร์มเริ่มถอดเสื้อออกพร้อมบอกไม่ไหว ใส่เสื้อแล้วมันเปียกมาก แถมตัวร้อนมาก
พร้อมกับหันมาอ้อนผมบอกว่า โอม ให้เราไปหาน้องเขาได้ไหม อยากไปหาน้องเขา ชมเดียวก็พอ เดี๋ยวเรากลับมา ตอนนี้ เราเห็นแต่หน้าน้องเขา ได้ยินเสียงน้องเขา
เรื่องราวต่างๆที่อยู่กับน้องเขา มันลอยออกมาตรงหน้าเรา ขอเถอะ ให้เราไปมีความสุขกับน้องเขาไม่ได้หรอ ทำไมต้องมาขัดขวางเราด้วย จากที่มันนั่งๆอยู่
มันรุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกา พิงประตู ทำท่าทุรนทุราย อยากไปหาน้องเขาให้ได้จนตัวสั่น ทำตัวงอแงเหมือนเด็กอยากจะออกไปหา ไปเจอให้ได้ หลังจากเห็นแบบนั้นผมจึงเทศน์ให้มันฟัง สอนธรรมให้มัน จนมันเริ่มสงบลงบ้าง กลับมานั่งที่ เก้าอี้ตัวนั้น แต่ไม่นานนัก อาการมันกลับเริ่มออกมาอีกครั้ง ต้องบอกว่า ระหว่างเกิดเหตุการณ์นี้น่าจะราวๆ 10-20 นาที ผมให้น้องเอกช่วยอัดวีดีโอไว้ให้อาร์มดูว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากที่เขามีสติ เขาจะได้รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
ตัดภาพกลับมาที่อาการของอาร์มหลังจากนั่งลงไปได้ไม่นาน มือเริ่มหงิก เกร็งมือ ขาเริ่มจิกพื้นห้อง เสียงร้องไห้เริ่มออกมา เริ่มพร้ำเพ้อ ปล่อยๆ ปล่อยให้ไปหาน้องเขา
ปล่อยออกไปหาเขาได้ไหม กูอยากมีความสุขกับน้องเค้า ฮือๆ ฮือๆ ระหว่างเกิดอาการที่ได้บอกไว้ข้างต้น เอกหันมาบอกพี่โอมแย่แล้ว ผู้หญิงมันกำลังเรียกพี่อาร์มให้ไปหามันพี่
ระหว่างที่มันเรียกมานั้น มีเงาดำๆ หลายตัว มายืนข้างๆพี่อาร์มพี่ พวกนี้มันออกมา สลับเปลี่ยนไปมาให้ผมเห็นพวกมัน ผมนับๆได้ 4-5 ตน สลับร่างกันออกไปมา
จนตัวสุดท้ายเอกอุทานออกมาว่า ตัวนี้มันแรงมากเลยพี่โอม พี่โอมต้องช่วยแล้วแหละ ท่าไม่ดีแล้วพี่ ผมได้ยินอย่างนั้นจึงตั้งจิตกำหนด บริกรรมพระคาถาออกมา
ได้สักพักหนึ่ง จากนั้นผมรีบเดินไปหยิบกำไลหินมงคลสีดำที่เรียกว่าดุดันที่สุดที่ได้เช่ามา ส่วนใส่กำไลหินให้กับเจ้าอาร์ม หลังจากใส่กำไลหินได้ไม่นานนัก
อาร์มจึงค่อยๆ นิ่งและสงบสติลงไปได้ และผมก็ค่อยๆเรียกบอกให้มันมานอนพักบนที่นอน ข้างๆน้องเอก มันก็บอกอืมๆ ได้ หลังจากที่มันมาถึงมันก็หลับปุ๋ยไป
เรียกว่าสงบลงมาก ไม่งั้นผมกลัวว่า ข้างห้องจะตาม รปภ มาที่ห้อง เพราะว่า เสียงร้องคร่ำครวญของเจ้าอาร์ม ในช่วงเวลานั้น เรียกว่า ดังมาก อย่างกับความถูกเชือดก็ไม่ปาน
หลังจากนั้น ผมจึงบอกว่า พี่เหนื่อยละ ขอตัวนะ วันนี้คงจะไม่มีอะไรแล้ว สงบลงแล้วแหละ ส่วนโทรศัพท์ของอาร์ม เดี๋ยวพี่เก็บไว้เอง มันจะได้ไม่มีใครโทรมากวนหรือติดต่อมาหามัน
เช้าวันอาทิตย์น่าจะ 9 โมงกว่าได้ ผมตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก จึงเดินไปดูพวกมันสองคนว่า นอนตื่นกันรึยัง หลังจากลุกไปดู ปรากฎว่า อาร์มมันหลับไปด้วยอาการถอดเสื้อ
เออมันไม่หนาวหรอวะ ผมคิดในใจเพราะแอร์มันหนาวมากในตอนนั้น หลังจากผมทำนั่นนี่เสร็จเรียบร้อยจึง ไปปลุกทั้งสองคนให้ตื่น อาบน้ำ กินข้าว
เดี๋ยวเรามีภารกิจที่สำคัญในวันนี้ คือ การที่ผมต้องพาอาร์มไปวัดนั่นเอง ผมถามมันว่าจำอะไรบ้างได้ไหม เมื่อคืน มันบอกว่า จำอะไรไม่ค่อยได้ เมื่อคืนปวดหัวมาก
แต่ว่าหลับได้ยาวจริงๆไม่มีใครมากวนมัน เรียกว่า ตลอดเวลาหลายๆอาร์มิตย์ที่ผ่านมา เมื่อคืนมันนอนได้เยอะและไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนตอนอยู่บ้าน
เพราะว่าแฟนมันชอบปลุกมากลางดึกเป็นประจำ มันไม่ชอบ ทำไมชอบปลุกมันดึกๆดื่นๆ มันอยากพักผ่อน มันรุ้สึกดีขึ้นที่ได้นอนที่นี่ นอนสงบเหมือนอยู่ในถ้ำเงียบดีจริงๆ
หลังจากพวกเราทั้ง 3 เรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปทานข้าวเช้ากัน จากนั้นฝนก็ตกหนักเฉยเลย ผมก็บอกไปว่า สงสัยไปวัดเปียกแน่ๆเลย เจ้าเอกหันมาบอกกับผมไม่หรอกพี่
เชื่อผมสิ เดี๋ยวถึงวัดนะ ฝนหยุดแน่นอน เพราะเขากำลังรอพี่อาร์มอยู่ ผมก็บอกว่า ok กินอิ่มท้องแล้วก็ไปอิ่มบุญกัน ระหว่างทางที่ไปวัดฝนก็ยังคงตกพรำๆอยู่
จนมาถึงที่วัดแห่งนี้แล้ว เชื่อไหมครับ แปลกใจริงๆ ฝันมันหยุดตกแบบ เอ้อ จนต้องร้องทักว่า เห้ย ฝนหยุดตกเลยวะ สงสัยจะจริงที่เขาอยากให้มาที่นี่
หลังจากนั้น เราทั้ง 3 มุ่งหน้าเดินเข้าไปยังวิหารบ่อน้ำมนต์ของวันนี้ เชื่อไหมครับ นั่งไปได้ไม่นานอยู่ดีๆ อาร์มเหมือนพะอืดพะอม อยากจะอ้วกอีกแล้ว จนเอื้อมมา มาหาที่ผม
ผมบอกไปว่า ทำใจให้สงบ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง หลังจากนั้นสักพักก็ค่อยๆสงบลง เราทั้ง 3 นั่งสมาธิมาได้พร้อมทั้งฟังบทสวดมนต์มาได้ราวๆ 40 นาทีก็รู้สึกปลอดโปร่งเลยสบาย
เดินออกมาจากวิหารแห่งนี้ และเลี้ยวมายังจุดที่ให้พวกเหล่าศิษยานุศิษย์ มาตักน้ำมนต์ เพื่อมาพรมตัวอันเป็นศิริมงคลแก่พวกเรา จากนั้นไม่นานพวกเราก็เดินไปรอบๆ
เพื่อไหว้สักการะ พร้อมทำบุญโดยรอบ จากนั้น ดูเวลาเป็นเวลาบ่าย 2 กว่าๆ ก็เริ่มหิวข้าวกันเลย เลยคุยกันว่า กลับกันเถอะ ไปหาข้าวกลางวันแถวคอนโดทานกัน
หลังจากกำลังกลับจากกลางทาง เจ้าเอกบอกว่า แวะ ทานข้าวใกล้ๆ ห้างกันไหม เผื่อจะเดินเล่นด้วย ดูนั่นนี่ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยตัว พวกเราเห็นด้วย
หลังจากทานข้าว เดินชอปปิ้ง ทำนั่นนี่นู่นแล้ว พวกเราก็กลับมายังคอนโดของผม ต่างเม้ามอยเรื่องต่างๆ มากมาย จนมาถึงสิ่งที่อาร์มได้เล่าให้พวกเราได้ฟังกันว่า
จริงๆเรื่องพวกนี้เกิดอะไรขึ้น …. แต่คุยกันได้ไม่นานผมเริ่มมีอาการเหมือนมึนๆ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงขอนอนไป และปล่อยให้อาร์มและเอกเม้าม่อยกันไปต่อ
จนถึงเวลาราวๆ 2 ทุ่มได้ เอกเดินมาปลุกและบอกกับผมว่า พี่โอมๆ พี่อาร์มเขาจะกลับบ้าน แต่ผมห้ามไว้ พี่ช่วยพูดให้หน่อย ถ้าออกไปตอนนี้ พี่อาร์มแย่แน่ๆเลย
ผมมึนๆ พร้อมลุกขึ้นมาคุยกับอาร์ม มันบอกผมว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ กูต้องกลับบ้าน แฟนกูก็ตามอ้างนั่นนี่ ให้กลับบ้านให้ได้ กูอยากอยู่นะ แต่ทำไงได้
แฟนก็มันเป็นคนแบบนี้ เห้ออ เหนื่อยใจวะ แต่เอาเถอะ คงไม่อะไร ผมจึงพูดบอกไปว่า ตามใจละกัน อยากให้อยู่สักพัก อะไรๆ จะได้ดีขึ้นนะ
แต่อาจจะด้วยวิบากกรรมในครั้งนี้ที่ยังไม่หมดดีกระมังครับ ผมไม่สามารถทานแรงที่อยากกลับของมันได้ พวกมันทั้ง 2 ขอตัวลากลับบ้าน เดี๋ยวเอก อาร์มจะไปส่งขึ้น mrt
เพราะว่าเป็นทางกลับบ้านพอดี หลังจากนั้นไม่นานนักน่าจะราวๆ ชมกว่าได้ ผมได้รับข้อความจากแฟนของเจ้าอาร์ม ทักมาว่า พี่โอมๆ คะ พี่อาร์มเขาบอกว่า
อยู่ใต้คอนโดพี่ พี่ช่วยลงไปรับหน่อยได้ไหม ผมกำลังสะลึมสะลืออยู่ ก็บอก ได้ครับๆ เดี๋ยวลงไปดูให้นะ จากนั้นผมลงไป เดินหาทั่วคอนโด ก็ไม่เจอทั้งรถ ทั้งอาร์ม
จนพาลจะงงๆ งวยๆ ไหนบอกว่ามาหาผม สักพัก ผมจึงโทรกลับไปหาเจ้าอาร์ม บอกว่า แฟนบอกว่า มาหากูไง ไหนวะ ไม่เจอตัวเลย มันพูดเสียงอ่อนๆว่า
กูขอโทษ กูอ้างชื่อมึง จริงๆ กูไปหาน้องเขา กูยังตัดใจไม่ได้วะ กูคิดถึงน้องเขา จริงๆมันก็ดีขึ้นนะ แต่พอกูขับไปได้สักพัก เหมือนน้องมันรู้วะ มันเลยโทรมาอ้อน
บอกว่าคิดถึงกู อยากเจอกู ให้กูไปหามันหน่อย กูเลยอ้างชื่อมึงกับแฟน ว่ามาหามึง มาขอพักใจ แล้วดึกๆ ค่อยกลับไปหา ผมฟังอย่างนี้แล้ว
จึงรู้เลยว่า คงยังไม่หมดซึ่งเวรกรรมที่ืทำกันมาจริงๆ สิ่งที่ทำอยู่มันก็ยังออกไม่หมด เพราะสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ ที่ทำไว้กับเพื่อนผมนั่นก็คือ
การมีอะไรกับเพื่อนผมในขณะที่มีประจำเดือนนั่นเอง หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เพื่อนผมมีอาการเพ้อหา ได้ยินเสียงก็จะรีบไปหา ต้องไปเจอตัว
ผู้หญิงคนนี้อยากได้อะไร ก็จะซื้อให้ อยากได้เงินก็จ่ายให้ เท่าไหร่เท่ากัน เหมือนเช่นวันนี้ ที่สุดท้ายมันก็ยังไม่จบสักที ทั้งๆที่ควรจะจบลง
ผมได้แต่ถอนหายใจ และบอกกับตัวเองว่า วันนี้คงต้องปล่อยมันไปก่อน อาจจะเนื่องด้วยอาการป่วยวันนี้ด้วย ทำให้บอกมันว่า ทำอะไรก็คิดดีๆ และวางสายมันลง
หลังจากหลับไปในคืนวันอาทิตย์ ตื่นเช้ามาในวันจันทร์ ผมมีอาการน้ำมูกไหล และ ไออย่างมาก รู้เลยว่า อาการป่วยเหล่านี้ ไม่น่าจะใช่อาการป่วยทั่วๆไป
เพราะว่าก่อนหน้านี้ยังดีๆอยู่เลย อ่อ แถมผมท้องเสีย อย่างมาก อีกด้วย ทำไงได้หล่ะ บอกน้องในที่ทำงานว่า ป่วย ทำงานไม่ไหวขอพัก
จนอาการยังไม่ดีขึ้น อีกทั้งน้องเอก ก็ทักมาบอกว่า มีอาการป่วยๆ รวมถึงท้องเสียควบคู่กันไป รวมทั้งเจ้าอาร์มก็ทักว่าป่วยๆ เหมือนกัน
เหยย อะไรมันจะป่วยพร้อมกันถึง 3 คนในคราวเดียว หลังจากเวลาผ่านล่วงเลยไปจนมาถึงวันอังคาร ผมเห็นท่าไม่ดีละ ว่าไม่น่าจะเกิดจากอาการปกติใดๆ จึงตั้งจิตกำหนดไว้ว่า
ในคราวนี้ หากเป็นวิบากกรรมที่ยังไม่สามารถช่วยอาร์มได้ ก็ขอตัดขาดจากวิบากนี้ มิขอยุ่งเกี่ยวในครานี้ ขอให้มันได้รับผลของกรรมในอดีต
แต่หนหลัง ให้มันได้รับจนครบจบกระบวนความ เชื่อไหมครับเป็นเรื่องที่แปลกมาก หลังจากที่ได้กล่าวคำอธิษฐานนั้นลงไปในช่วงเช้า ตกเย็นของวันอังคาร
อาการของผมค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ จนแปลกใจ รวมถึงเจ้าเอกก็ทักมา อย่างกับตัวรู้งานว่า พี่โอมตัดการช่วยเหลือใช่ไหมพี่ ผมรู้สึกดีขึ้นมากๆเลย
ไม่งั้นนะพี่ ผมทำงานไม่ไหวเลย เหนื่อยและปวดหัวมาก ผมตอบกลับไปว่าใช่สิ ไม่งั้น เรา 2 คนไปยุ่งกรรมมันมาก มันเลยส่งผลเยอะขนาดนี้ไง…
ตัดภาพมาในวันพุธ หลังจากเป็นเวลาที่ผมต้องไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง จึงได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
ท่านจึงให้คำสอนว่า คนเรานั้นต้องมีสัจจะ ต้องตั้งอยู่ในศีลในธรรม ดูแลร่างกายและจิตใจ รวมถึง ต้องมีความกตัญญูต่อบิดามารดานะ
ก่อนจะกล่าวลาจากกันไปในวันนี้ ท่านพูดขึ้นว่า มีแม่ไหม มีอยู่นี่ ทำไมไม่ไปขอผ้าถุงแม่ให้ช่วยละ คลุมสัก 3 รอบ เผื่ออะไรๆที่มันมืดบอด
มันจะได้สว่างแจ้ง อะไรที่ยังหลงอยู่ มันจะได้ตื่นขึ้นมา ผมจึงตอบไปว่าครับๆ เดี๋ยวผมจะลองดูครับผม หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก
น่าจะราวๆ 1 ทุ่มกว่าๆได้ ระหว่างที่นั่งอยู่ ผมได้ยินเสียงแว่วๆ เข้ามาว่า โทรหาแม่บอกแม่ด้วย หลังจากได้ยินดังนั้น ผมจึงรีบหาเบอร์ของแม่เจ้าอาร์ม
กดไปได้สักพัก ก็มีเสียงปลายสายว่า ว่าไงลูกโอม วันนี้มีอะไรรึเปล่า ถึงโทรหาแม่ได้ ดีนะที่แม่ว่างอยู่มะกี้ยุ่งๆไม่ได้ ถือโทรศัพท์ไว้
ผมจึงบอกว่า ผมมีเรื่องจะปรึกษากับแม่หน่อยครับ เรื่องอาร์ม แม่พอทราบอยู่นะครับ ว่าตอนนี้มันเจอและเป็นอะไรอยู่
แม่บอกผมว่า แม่รู้ แม่ก็กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ผมจึงเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้แม่ของอาร์มฟัง พอฟังจบ แม่บอกกับผมว่า
มีสิมีผ้าถุงตัวที่ใช้อยู่เลย เดี๋ยวแม่เก็บไว้นะ แล้วแม่ต้องทำอย่างไรบ้าง ถึงจะทำให้เขาดีขึ้น ผมจึงบอกไปว่า
วิธีการที่จะช่วยทำให้ของที่ถูกทำใส่ หรือ คุณไสยที่โดนกระทำอยู่ เบาบางลง หรือ หายไปได้นั้น มีวิธีการดังนี้ครับ
1. ให้นำผ้าถุงของแม่คลุมที่ศีรษะ ก่อนที่จะทำก็อาราธนาของบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ รวมถึงความเป็นแม่ที่มีความรัก เมตตาและอภัยให้จากนั้น
ให้คลุมศีรษะของอาร์ม จากล่างขึ้นบน ไล่วนไปทั้งหมด 3 รอบครับ
2. หลังจากเสร็จพิธีแรกแล้วนั้น ให้นำน้ำมาใส่ในถังน้ำ พร้อมทั้งกลีบดอกบัว ให้เจ้าอาร์มล้างเท้าแม่ พร้อมขอขมาสิ่งที่ทำไม่ดี และ ขอให้สิ่งไม่ดีออกไป
จากนั้นให้นำน้ำล้างเท้าของแม่ ไปตักให้มันอาบกลางแจ้งได้ยิ่งดี
3. จากนั้นให้เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย แล้วดื่มน้ำที่มีกลีบบัว ลงไปให้หมด และขอให้สิ่งไม่ดีที่ยังหลงเหลืออยู่ออกไป
เมื่อแม่ฟังสิ่งที่ต้องทำทั้ง 3 หมดแล้ว แม่ก็ตบปากรับคำอย่างดี พร้อมทั้งบอกว่า วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ อาร์มจะเข้ามาหาแม่อยู่แล้ว เดี๋ยวเรานัดแนะกันอีกทีในวันนั้น
ผมตอบตกลง และ ขอตัวคุณแม่วางสายเพื่อที่จะไปทำธุระต่อครับ โดยระหว่างวันที่จะถึงในพิธีนั้น ผมพยายามไม่คุยไม่ติดต่อ หรือบอกอะไรเจ้าอาร์มเลย
เพื่อให้มันไม่รู้ว่า จะมีพิธีถอนของ ออกจากตัวมัน เพราะมันยิ่งรู้ตัวเท่าไหร่ ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อแผนการที่ผมได้วางไว้กับแม่ของมัน
หลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก จนมาถึงวันอาทิตย์ราวๆ 11 โมงได้ มีสายเข้ามา บอกว่าโอมๆ อาร์มมาถึงแล้ว ถือสายรอนะ จะได้เริ่มทำพิธีด้วยกัน
อยากให้อยู่ด้วย แม่กลัวทำไม่ครบอย่างที่บอก หลังจากอาร์มลงมา แม่สั่งอย่างแข็งขัน และ เริ่มทำพิธีหน้าบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันนี้อาร์มมาพร้อมกับแฟน ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆกันแน่ หลังจากเริ่มทำพิธีไปได้ จนจบ ขั้นตอนที่ 2
พอเริ่มขั้นตอนที่ 3 นั่นคือ ทานมนต์ที่โรยด้วยกลีบบัว ทานไปเหมือนเดิมคือ 3 วิแรกไม่มีอาการ แต่พอไม่นาน
อาร์มมีอาการอ้วกแตก น้ำหูน้ำตาไหล อ้วกอย่างรุนแรงมาก จนค่อยๆ ดีขึ้นแม่และแฟนของอาร์มตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมจึงบอกไปว่า ดีแล้วให้มันอ้วกออกมา แม่เห็นแล้วใช่ไหมว่า มันโดนจริงๆ คนอะไรกินแค่น้ำลงไป มันจะออกอาการอ้วก แถมตัวสั่นเหมือนผีเข้าขนาดนั้น
ผมจึงบอกให้พามันเข้าบ้าน ถ้าที่บ้านมีห้องพระก็ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด หาพระคล้องคอ และพาขึ้นไปอยู่ที่ห้องพระ สงบจิตสงบใจก่อน
แม่และแฟนได้ยินอย่างนั้น ก็ทำตามอย่างแข็งขัน และ ก่อนจะจากไป อาร์มขอคุยด้วย พร้อมบอกว่า มึงนัดแนะกับแม่กูตอนไหนเนี่ย
ถึงว่า ทำไมช่วงนี้เงียบๆไป ที่แท้ ก็มาวางแผนกับแม่กูนี่เอง เออขอบใจมากนะ นี่รู้สึกดีขึ้นมาก งั้นเราขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ผมก็บอกเออๆไปเถอะ
และในช่วงของนี้ของพิธีก็จบลง….
ระหว่างวันเวลาที่ล่วงผ่านไป ผมยังคงมีอาการป่วยอยู่เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้หนักมากกว่าช่วงก่อนๆ หน้านี้ แต่เรียกว่า ยังไม่แข็งแรงเหมือนเช่นเคย
พวกเราต่างคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะต่างก็มีเรื่องราวที่ต้องแก้ไข อยู่ทั้งผมและเอก เราก็สัมผัสได้ว่า มันยังคงมีเรื่องราวเข้ามา
อาจไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมดอย่างที่คิด เพราะมันยังเป็นช่วงเวลาที่แม้จะเบาลงแต่ก็ยังไม่จืดจางหายไปจากพวกเรา เท่าไหร่นัก…
จนมาวันหนึ่ง…อาร์มทักมาบอกพวกเราว่า พวกเมิงกูถูกเขาเชิญให้ออกว่ะ ผมถามว่าอ้าวเกิดอะไรขึ้น มันบอกว่า
อาจจะเพราะช่วงก่อนหน้านี้ กูมีอาการป่วย ลาป่วยบ่อย การทำงานพอไปมันก็แย่ลงเรื่อยๆ กูไม่ได้นอนด้วยแหละ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
ขนาดเรื่องแย่ๆมันจบลงแล้วนะ แต่แฟนกูนี่สิ ขยันปลุกกูมาทำการบ้าน จนกูไม่ได้นอน แถมแม่กูก็ยังมาช่วยแฟนกูคุมความประพฤติของกู
เห้อไม่ได้ตายจากโดนทำของจากน้องเขา ก็คงตายจากแฟนและแม่กูนี่ กูเหมือนติดคุกเลย แต่แม่บอกว่า หลังจากทำพิธีไปแล้ว
หน้าตา อารมณ์หลายๆอย่างดีขึ้นหน้า หน้าไม่หมอง ใสสว่างขึ้นแต่ยังไม่ทั้งหมด คงต้องใช้เวลาแหละมั้ง… แต่ตอนนี้ทั้งงานและเงิน
รวมถึงอาการป่วยที่มาเป็นระยะๆ ของกูนี่สิ เห้ออ ไม่รู้ว่าไปทำกรรมอะไรกับน้องเขาไว้หนักหนา กูถึงเจอเรื่องพวกนี้ขนาดนี้เลย
เรื่องราวต่างๆ ที่ผมได้ฟังมานั้น ก็จบลงที่ตรงนี้ ตรงที่อะไรหลายๆอย่างมันดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เรื่องราวสุดท้ายและท้ายสุดจะจบอย่างไร
หากมีความคืบหน้ามาหรือได้ฟังมา ผมพร้อมจะมาเขียนต่อให้ทุกๆท่านได้ทราบถึงตอนจบของเรื่องนี้ แต่ผมมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะเขียนฝากเอาไว้
ให้กับทุกๆ ท่านผู้ที่ได้มีโอกาส มีบุญสัมพันธ์กัน ที่มาอ่านเรื่องราวในตอนนี้ ตอนที่มีชื่อว่า เสน่ห์หา คาวโลกีย์
ผมอยากบอกให้รู้ไว้ว่า พวกของต่ำ เสน่ห์ คุณไสย หรือ สิ่งไม่ดีทั้งหลายนั้น ที่จะเกิดขึ้นได้นั้น ไม่ได้จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คน จนหลายๆคนที่บอกว่า
ของเหล่านี้ไม่มีจริงหรอก แต่สิ่งพวกนี้ หากจะเกิดขึ้นได้นั้น มีปัจจัยได้ดังนี้นั่นคือ
1. เราต้องมีกรรมร่วมกันกับเขามา หรือ เคยทำอะไรไม่ดีร่วมกันมา พวกนี้จึงสามารถส่งผลได้
2. คนที่โดนหรือถูกกระทำ มักจะเป็นผู้ที่พร่องในศีล ขาดศีล ไม่รักษาศีล จึงเป็นช่องโหว่ของพวกเหล่านี้ เข้ามากระทำได้
3. ถูกกระทำหรือเริ่มวิบากกรรมใหม่ อันนี้เรียกว่า อยากสร้างกรรมใหม่ร่วมกันมา จึงเป็นเหตุแห่งเรื่องราวได
3 ข้อเหล่านี้เป็นเหตุเบื่องต้นคร่าวๆที่ทำให้เป็นเหตุและปัจจัยในการเกิดเรื่องราวต่างๆ ทำผมได้นำมาเขียนให้ท่านผู้อ่านในวันนี้
และผมหวังว่าเรื่องเล่าในวันนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในเหตุและปัจจัยที่ช่วยให้ทุกๆท่านนั้นตั้งอยู่ในศีล 5 อยู่เนืองๆ รวมถึง
เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รวมถึงการดูแลกายและใจตนเอง ให้ตั้งอยู่ในความดี สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวลาก่อน สวัสดีครับ
สำหรับเรื่องหน้าจะเป็นเรื่องใด รอติดตามได้ที่เพจ มามูมะ ครับผมมมมมมมมม ลาจริงๆแล้วจ้า
ปล. ดูคลิปแล้ว… บรึ๋ยยย โหยกวนมากครับ
ปล. 2 จะมีตอน 2 แน่นอน บรึ๋ยยยย ลาจริงๆแล้วจ้า
#มามูมะ #mamooma #เรื่องเล่าจากทางบ้าน #หลอน