ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในตอนนี้ หากใครเคยได้ยินคำว่า บังเอิญ สำหรับผมแล้ว มันไม่มีคำว่าบังเอิญ
เพราะทุกเส้นทาง และ ทุกๆ เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นนั้น มันถูกขีดเขียนขึ้นมาจากการกระทำของเราเอง จากอดีตส่งผลมายังปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อมากจนเกินไปกับการอารัมภบทของผมในตอนนี้ งั้นเราไปลุยกันเลยดีกว่าครับ …..
เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากคนๆ นึงครับ ผมขอเล่าแทนตัวเขา โดยเล่าเป็นตัวผมไปเลยละกันครับมันจะได้อ่านกันแล้ว แบบต่อเนื่องไม่ดูสับสนกันไปนะครับ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เริ่มต้นขึ้นมาในช่วงต้นๆ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ครับ ในช่วงบ่ายๆวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่นั่นเองมีข้อความทักเข้ามาว่า “พี่ทีๆ พี่พอจะว่างไหมคะ? พอดีหนูมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย” ข้อความที่ผมได้อ่านจบลงนั้นเป็นข้อความจากน้องตูน ผมขออธิบายเกี่ยวกับน้องตูนก่อนนะครับ
จะได้พอเห็นภาพคร่าวๆของน้องตูนว่าเป็นอย่างไร น้องตูนเป็นลูกครึ่งผสมไทยจีน ผิวออกสีน้ำผึ้งหน่อยๆ ผู้หญิงไอทียุคใหม่ มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ อยู่ในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพครับ
เราสองคนรู้จักกันมานานผ่านเพื่อนของผมเอง จึงทำให้เราสองคนนั้นรู้จักกันมาน่าจะ 4-5 ปีได้ครับ ปล. สาวตูนยังโสดน๊า ใครสนใจก็ทักมาถามได้น๊า แฮร่ มาต่อกันดีกว่าครับเดี๋ยวจะยืดยาวไปกว่านี้
หลังจากที่ผมได้อ่านข้อความจึงตอบกลับไปหาน้องตูนว่า “อ่อ ว่าไงๆ มีอะไรจะมาเม้ามอยกับพี่” น้องตูนเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ
พอดีว่าน้องที่ออฟฟิศที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเจอกัน เช้านี้อยู่ดีๆ นางก็มาเล่าให้ฟังถึงเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับนาง แต่หนูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี หนูคิดถึงพี่ทีคนแรกเลย มาปรึกษาพี่นี่แหละว่าจะช่วยนางยังไงดี
ผมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้องตูนเล่าว่า น้องคนนี้ชื่อน้องเกดคะพี่ น้องเกดเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านของน้องเกดมันมีเรื่องแปลกๆ หลังจากที่พ่อเลี้ยงหนูมาอยู่ในบ้าน หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งตัวหนูเอง แม่เอย ลุงป้าน้าอา
ค่อยๆ ป่วยกัน โรคนั้น โรคนี้ หนูพูดตรงๆเลยว่าหนูไม่ชอบพ่อเลี้ยงคนนี้จริงๆคะ อีกอย่างหนึ่ง พ่อเลี้ยงคนนี้เวลาเจอกันมักจะชอบเอาตัวมาใกล้ๆ แล้วพยายามมาแตะตัว หรือ สัมผัสตัวหนู หลังจากนั้นไม่นาน
ความไม่ชอบ ก็กลายเป็นเฉยๆ แบบหนูงงมากเลยค่ะพี่ น้องเกดเล่าให้หนูฟังต่อมาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งมันมีเรื่องราวมากกว่านี้ผมขอละในส่วนนี้เอาไว้ก่อนนะครับ ค่อยกลับมาเล่าต่อ แต่มีส่วนอื่นที่ฟังแล้วมันตะหงิดๆ อยู่ในใจ
โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับน้องเกดนั้น ทำให้น้องกลับมาคิดได้ว่า
ไม่อยากตาย น้องถามหนูว่า น้องจะตายไหม หนูตอบไม่ได้จริงๆในตอนนั้น หนูทำได้เพียงแต่ปลอบใจว่าไม่ตายหรอก พอเราคุยกันได้สักหนึ่งเราก้ต้องแยกย้ายกันไปทำงานค่ะพี่
หลังจากผมได้ฟังจบลง ผมจึงบอกกับน้องตูนว่า เอาแบบนี้ละกัน ไว้ให้น้องเกด ทักเข้ามาในแชทส่วนตัว ถ้าเรามีเวลาว่างตรงกัน จะได้ให้น้องเกดโทรเข้ามา พอดีพี่มีอะไรจะคุยรวมถึงถามรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนแล้วกัน
แต่พี่รับปากเรานะ ว่าพี่จะช่วยน้องเกดก็ตามนั้นแหละ หลังจากน้องตูนตอบมาว่ารับทราบ จะไปดำเนินการตามที่ผมได้บอกเอาไว้ครับ หลังจากนั้นผมได้พยายามติดต่อ สอบถามน้องเกด แต่ว่าในแต่ละครั้งเหมือนมีอะไรที่ทำให้ผมและน้องไม่ค่อยได้พูดคุยกัน เหมือนจะบ่ายเบี่ยง ผมพยายามติดต่อไป 2-3 ครั้ง
น้องก็บอกว่าพี่คะหนูยุ่งมากเลย ผมพยายามทักไปตอนสายๆ แล้วเค้าตอบมาตอนดึก พี่คะ หนูเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานนักทำให้งานขอหนูยุ่งมากๆเลย ถ้าหนูว่างแล้ว หนูสัญญาว่าจะตอบกลับไปหาพี่ให้เร็วที่สุดเลยค่ะ
หลังจากที่ผมได้อ่านข้อความที่น้องเกด ตอบกลับมาในครั้งนี้เอง ทำให้ผมคิดว่ามันยังคงไม่ถึงเวลากระมังที่เราทั้งสองคนจะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากนั้นผมคิดว่าผมคงต้องทิ้งเวลาอีกสักหน่อยที่จะทักกลับไปใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนๆชาวแก๊งสายบุญก็มาทักผมว่า ศุกร์ – วันอาทิตย์นี้นายว่างไหม พอดีพวกเราจะนัดกันไปหาหลวงปู่กัน รวมไปถึงระหว่างการเดินทางก่อนที่จะขึ้นไปหาหลวงปู่ก็หาแวะตามวัดต่างๆไปด้วยเลยละกัน
ซึ่งในระหว่างการเดินทางของเรานั้น สามารถอ่าน เพิ่มเติมได้ที่เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน “จงไปวัดอกแตกแห่งเมืองละโว้” เพราะหากเล่าในตอนนี้ด้วยอาจจะยาวมากไปครับ แต่ผมขอตัดบางส่วนของเรื่องนี้ออกมานั่นคือ
หลังจากที่เรามาถึงที่สำนักสงฆ์ตามที่เราได้ตั้งใจไว้แล้ว หลังจากนั้น ตัวผมและหลวงปู่นั้นได้มีการสนทนาธรรมกัน จากนั้นไม่นาน หลวงปู่ก็ทักว่า ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? เห็นว่าไปช่วยคนมา 3 คนไม่ใช่รึ ผมแอบตกใจ
เพราะระหว่างที่มาถึงผมยังไม่ได้เล่าเลย แต่ก็ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไปเหมือนเช่นเคยว่า คร้าบบ ไปช่วยมาคร้าบบ โดยทั้ง 3 คน นั่นก็คือ
คนแรก ฝากบอกเขาด้วยนะให้หยุด เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะว่าความรัก ถ้ามันยากแล้ว ก็ไม่ควรไปต่อความยาวสาวความยืดอีก ถ้าฝืนทำต่อไป จะไม่มีใครช่วยได้ จะไม่ใช่แค่ตกนรกนะ แต่จะตกอเวจีเสียด้วยซ้ำ ผมได้แต่ตอบกลับหลวงปู่ไปว่า คร้าบจะกลับไปเตือนให้ครับ
คนสอง หลวงปู่ บอกว่า น้องผู้หญิง คนนั้นที่พยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้เป็นอะไร ก่อนที่มาเจอผมนั้น เค้าเคยให้สัญญาไปแล้ว แต่จำไว้นะสัญญา ยกเลิกได้ แต่สัจจะเมื่อให้แล้ว ต้องยอมรับผลที่ตามมา ดังนั้นเลือกเอาว่าจะให้สัจจะหรือสัญญา ไปถามน้องคนนี้ให้ดีๆ จะเอาแบบใด
แล้วคนสุดท้าย ที่เราไปช่วยเค้าที่ญาติเค้าป่วย ผมตอบกลับหลวงปู่ไปว่า ผมจำไม่ได้ครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ แต่ที่จำไม่ได้เพราะเหนื่อยจากการเดินทางหรือ มันนานมาแล้วก็ไม่รู้ได้ แต่สามารถอ่านเรื่องของเธอคนนี้ได้ที่ เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน “จงไปวัดอกแตกแห่งเมืองละโว้” ครับ
หลังจากการเดินทางในครั้งนี้จบลง ผมพยายามติดต่อไปหาน้องเกด โดยสอบถามถึงสถานการณ์ต่างๆจากเจ้าตูนก่อน ซึ่งตูนบอกกับผมว่า ตอนนี้น้องทำงานยุ่งมาก ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่ที ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมและหลวงปู่สนทนาธรรมกันเกี่ยวกับน้องเกดให้น้องตูนได้ฟัง เกี่ยวกับเรื่อง “สัจจะกับสัญญา”
หลังจากที่น้องตูนได้ฟังเรื่องราวที่ผมได้เล่าจบลง น้องตูนบอกว่าจะรีบนำเรื่องทั้งหมดนี้ไปเล่าเรื่องให้น้องเกดฟังทันที และจะบอกด้วยว่าถ้ามีเวลาให้รีบติดต่อหาพี่ทีทันทีเลยค่ะ
หลังจากนั้น เท่าที่ผมจำได้ น่าจะประมาณ 1-2 สัปดาห์ จำได้ว่าเป็นช่วงสายๆของวันวันจันทร์ มีข้อความของน้องเกดทักเข้ามาว่า พี่ทีคะ หนูทราบเรื่องที่พี่ทีได้คุยกับพี่ตูนแล้ว และได้ฟังเรื่องที่หลวงปู่พูดถึง
ตัวหนูเองก็มีเรื่องอยากจะบอกพี่เหมือนกันว่า ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ไม่ได้คุยกัน หนูเครียดมาก หนูหดหู่ หนูกลัวตัวเองเหลือเกิน ที่จะฆ่าตัวตาย หนูกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะว่ามีเรื่องแปลกๆที่หนูเจอ 2-3 เรื่องค่ะพี่
เรื่องแรก…. หนูฝันเห็นเพื่อนสนิทที่ชื่อ “ออน” เกือบทุกคืนเลยค่ะ ออนและหนู เราสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันที่มหาลัย เราสองคนเคยสัญญากัน และพูดเอาไว้ว่า
ถ้ามึงมีชีวิตอยู่ เราก็จะอยู่ ถ้ามึงตายเราก็จะตายไปพร้อมกันนะ เราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ในทุกๆคืน หนูจะฝันเห็นว่าหนูไปยืนอยู่ที่ๆหนึ่ง มันว่างเปล่า บรรยากาศน่ากลัวๆ อย่างบอกไม่ถูก ข้างหน้าหนู หนูจะเห็น
ออนเขายืนอยู่ พอหนูมองไป ออนเขาหันกลับมามองหนู จ้องมาที่หน้าหนู หน้าตาออนออกเศร้าๆหน่อย ออนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองหน้าหนู มันเศร้ามากคะพี่ ในตอนนั้นหนูคิดว่า รึ ว่าออนจะทวงสัญญา ที่เคยให้ไว้หนูก็ไม่แน่ใจ
เรื่องที่สอง…. ทุกครั้งก่อนที่ปิดไฟนอน หนูมักจะเห็นว่ามีเงาดำๆมานอนข้างๆตลอด หรือหลับตาไปแล้ว พยายามจะมากอด มาสัมผัสหนูคะ รวมไปถึงในห้องของหนูเองจะเหมือนมีคนเดินไป เดินมาในห้อง พยายามทำเสียงให้รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยคะ ทำให้ตลอดเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา หนูนอนไม่ได้เลย หรือ พอนอนไปได้สักพักหนูก็จะผวาตื่นตลอดเวลา เรียกว่าสติแทบจะหลุดเลยเวลาไปทำงานค่ะพี่
และเรื่องสุดท้าย จริงๆก้มีเรื่องอื่นแต่ที่มันหนักๆ ชัดๆน่าจะ 3 เรื่องนี้คือว่า…. พี่ไม่รู้จะเชื่อไหมแต่ หนูมักจะได้ยินเสียงเหมือนคนพยายามเปิดประตูเข้ามาในห้อง ถ้าพี่ลองดู ถ้ามีคนดัน มันจะมีเสียงดัง กึกๆ เหมือนมีแรงพยายามผลักประตู แต่มันเข้ามาไม่ได้ หนูไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เพราะว่ามียันต์อยู่ที่หน้าประตูไหม พอดี มันเป็นยันต์เดิมๆก่อนที่หนูจะย้ายเข้ามาอยู่ค่ะ แต่รอบนี้ เหมือนมันมีเสียงดันประตูแรงขึ้น เหมือนจะเข้ามาได้เลย น่ากลัวมาค่ะพี่
หลังจากน้องเกดเล่าเรื่องจบลง ก็มีเสียงตูนแทรกเข้ามาว่า ถามพี่เค้าเลย ผมก็เลยเอ๊ะ จะถามอะไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว น้องตูนและน้องเกดถามว่า เย็นนี้ว่างพอที่จะคุยกันไหม
น้องเกดเขาอยากจะเล่าความเป็นมาตั้งแต่เริ่มเลย ผมตอบกลับไปว่า อ้อ ได้สิ พี่ว่างพอดี เราจะโทรมากี่โมงละ แล้วโทรมาเล่า 3 สายเลยก็ได้ ถ้ามีอะไรที่ฟัง หรือ ถามไม่ครบ จะได้ช่วยกันด้วย น้องตูนบอกว่าได้เลย
ตัดภาพมาไวดั่งจรวด มาตอน 2 ทุ่ม หลังจาก พวกเราทั้ง 3 คนนั้น รวมกลุ่มกันใน Messenger เป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องตูนทักขึ้นมาว่า พี่ทีพร้อมไหม หนูและเกดพร้อมแล้ว ตัวผมนั้นพร้อมอยู่ก่อนแล้วครับ พอเห็นข้อความมาจึงบอกว่า กดโทรเข้ามาได้เลยเธอ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ หน่อย ไม่งั้นกว่าจะได้คุยกันนี่ อุปสรรคเยอะเหลือเกินนะเธอ จากนั้น เรื่องราวต่างๆ ก็ได้เริ่มขึ้น ……
ด้วยนิสัยของผมเอง ผมเลยเปิดประเด็นกับเรื่องที่สงสัยมาสักพักแล้ว ว่าน้องเกดเริ่มเจอเรื่องแปลกๆตอนไหน?
น้องเกด : ตั้งแต่ตอนอุบัติเหตุรอบแรกเลยค่ะ หนูกำลังเดินไปตลาดไปซื้อของให้ที่บ้านค่ะ อยู่ๆมีรถมอเตอร์ไซค์ ขับมาจากไหนไม่รู้ พุ่งชนหนู ไถลไปไกลมากเลยค่ะพี่ แต่เชื่อไหมว่า หนูไม่เป็นอะไรเลย แค่เสื้อขาดเท่านั้นเอง
ตอนนั้นตกใจมากค่ะพี่ ตอนไถล คือ งงมาก ทำไมหนูยังอยู่ก็ไม่รู้ 55555 น่าจะไม่รอดแล้วนะเนี่ย
ผม : นอกจากอุบัติเหตุ แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมละ?
น้องเกด : มีค่ะ หนูรอดตายจากโรคภัยก็หลายครั้งค่ะพี่ จริงๆก็ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ค่ะ อ้อ มันมีเรื่องนึงค่ะที่แม่เล่าให้หนูฟัง พี่อยากฟังไหมคะ?
ผม : เอาซิ เล่ามาได้เลย จะมัวรอช้าอยู่ไย
น้องเกด : เริ่มตั้งแต่หนูเกิดมาได้ไม่นาน หนูป่วยช่วงตอนเกิดมา 3-4 เดือน ป่วยเข้ารพ. หมอหาสาเหตุไม่ได้ ที่บ้านก็พยายามรักษาไป ดูแลกันไป แต่จะเรียกว่าไงดี พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อกับแม่เลี้ยงหนูมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม่เล่าว่ามีอยู่คืนหนึ่ง ดึกมากแล้ว
แม่ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า (((((( พวกมึงดูแลลูกสาวไม่ดีพอ กูจะมาเอามันคืน ตอนนี้ ))))))) หลังจากที่แม่หนูได้ยินแบบนั้น แม่หนูซึ่งไม่กลัวผีเท่าไหร่ ก็ตะโกนออกไปว่า ชาติไหนไม่รู้เป็นลูกของมึงนะ แต่ชาตินี้มันเป็นลูกของกู กูเลี้ยงมันไหว กูเลี้ยงมันเองได้
แล้วก็มีเสียงตอบกลับมาว่า ((((( ได้ งั้นกูจะตามดูพวกมึงไว้ ถ้ามึงดูแลมันไม่ดี กูจะกลับมาเอามันคืนแน่ …. ))))))
ผม : พี่ว่าน่าจะเป็นแม่ซื้อ แม่หา ที่ดูแลเราแหละ เขาคงหวงเรามากเลยนะ เออว่าแต่ เห็นเข้า รพ.บ่อย มีเรื่องที่ รพ.บ้างไหม เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ
น้องเกด : เกี่ยวกับโรงพยาบาลหรอคะ อ้อ ก็มีตอนที่รถโรงพยาบาลมารับ ถ้าหนูนับไม่ผิด น่าจะ 9 ครั้งได้ค่ะพี่ ทำให้ตอนนี้หนูกลายเป็นกลัวเสียงไซเรนไปเลย งั้นขอหนูเล่าสักตอนนึงคือ เป็นตอนที่หนูต้องเข้าผ่าตัดก้อนเนื้อตรงสะโพกเพราะว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด ในตอนนั้นหนูต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆเลยนะ แต่ไม่ตายค่ะพี่ ครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าหนักมาก รวมไปถึงหนูเจอผีรพ.เยอะมากค่า ส่วนมากจะเจอแบบว่าเดินในห้องกันไปมา กับตอนนอนหนูก็มักจะฝันว่ามีคนยืนที่ระเบียงตลอดเลย ตอนติดเชื้อในกระแสเลือดนี่เรียกว่ามาแทบทุกวัน หนูพยายามข่มตาหลับค่ะพี่ ตัวหนูนี่เหงื่อแตกเต็มตัว ที่หนูต้องข่มตาหลับ เพราะถ้าหนูลืมตาขึ้นมาตอนกลางคืน จะเห็นเงาดำๆรอบเตียง หรือลุกไปเข้าห้องน้ำ จะเห็นเงาดำๆมานอนบนเตียง ไม่รู้จะทำยังไง ก็ข่มตา ข่มใจ ลากสังขารขึ้นไปบนเตียง พอจะโน้มตัวลงไป เงาสีดำๆ ก็ค่อยๆเลือนหายไป จากนั้นต้องห่มผ้าปิดตัวไปเลยค่ะ
ผม: เออว่าแต่ ที่โรงพยาบาลฝันบ้างไหม? เพราะพี่มักจะชอบฝัน เราก็น่าจะฝันบ้างแบบพี่แน่ๆเลย
น้องเกด : อ้อ มีค่ะ งั้นหนูจะเล่าให้พี่ฟังนะคะ คืองี้หลังจากผ่ามา หนูก็หลับ ไม่มีคนเฝ้าค่ะ นอนคนเดียว ฝันว่าตื่นมาดูนาฬิกา เวลา เท่าไหร่จำไม่ได้ค่ะ ละเห็นคนยืนที่ระเบียง พอตื่นมาจริงๆเหมือนในฝันเป๊ะๆ เวลาเป๊ะๆ ลมพัดจากประตูระเบียงมาเลยค่ะพี่ แต่หนูไม่ได้หันไป ทั้งที่เจ็บแผลมาก ใช้แรงฮึดถอดสายน้ำเกลือทิ้ง วิ่งออกมานอกห้องเลยค่ะพี่
พอ ออกมา มันเหมือนรพ.ร้างเลย เป็นเหมือนรพที่ก่อสร้างไม่เสร็จ แล้วถูกทิ้งร้าง หนูตกใจมาก เลยวิ่งกลับห้องละข่มตาหลับค่ะพี่ อ้อ!! ลืมบอกตอนลงจากเตียงล้มด้วยค่ะพี่ เลือดอาบเลย555 เหมือนในหนังเลยพี่ แต่มันเกิดขึ้นจริง555 ไม่มีใครเห็นว่าหนูเปิดประตูออกมา วิ่งออกจากห้องเลย ทั้งที่พยาบาลหลายคนบอกคืนนั้นไม่ได้นอนเลย คนไข้เยอะมาก ตอนแรกหนูก็คิดว่าหรือหนูฝันไป แต่พอมาดูแผลล้มที่แขน อ้าวว เลือดแห้งเต็มเลย แต่ …. พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อค่ะพี่ เขาหาว่าหนูเมายาสลบกันแล้วเพ้อ แต่หนูจำได้ดี มีสติดีด้วยค่ะพี่
ผม : พี่ก็คิดว่า หนูไม่ได้ฝันไปนะ เพราะหลายๆครั้ง พี่ก็ฝันซ้อนฝันเสมอ อ้าว!!! แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหม พี่ว่ามันชักเยอะแล้วน๊า
น้องเกด : อย่าเพิ่งเหนื่อยค่ะพี่ ขอหนูเล่าต่ออีกหน่อย งั้นหนูเล่าเรื่องเลยละกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่หนูเรียนที่มหาลัยนะคะ เป็นตอนที่หนูจะไปกระโดดตึกภาค หนูก็มีเจอมานะ เจอผีคือว่า ผีอะพี่มีทั้งผีดีและไม่ดีค่ะพี่
ผม : อ้าว แล้วที่ว่าผีมันดีหรือไม่ดี มันเป็นยังไงหรอ?
น้องเกด : ตอนนั้นหนูไม่ไหวและ ต้องตายให้ได้ วิธีไหนไม่สนแล้ว ขอแค่พ้นจากความรู้สึกนี้ ตัดสินใจขึ้นไปดาดฟ้าตึกภาคตอนห้าทุ่ม ต้องบอกก่อนว่าดาดฟ้าโดยตรงถูกปิดไว้ค่ะ หนูปีนหน้าต่าง เดินข้ามระเบียง ไปบันไดฉุกเฉินขึ้นดาดฟ้า
ซึ่ง รปภ ที่อยู่ชั้นล่างเขาอนุญาตให้หนูขึ้นไปได้เพราะสนิทกันและหนูทำโปรเจค ทำให้หนูกลับบ้านดึกบ่อยๆค่ะ ตอนนั้นขึ้นไปทั้งที่ใส่ชุดนอนเลยค่ะพี่ พอขึ้นไป ถึง ก็ร้องไห้แบบเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวในดาดฟ้าที่มืดมากเลย
หนูมองไปที่ดาดฟ้าหอหญิง เจอผู้ชายใส่เสื้อดำยืนหัวเราะอยู่ แล้วหนูได้ยินในใจว่า โดดเลยสิ โดดเลย มึงโดดไปเลย แล้วก็หัวเราะแบบสะใจมากที่เห็นว่าหนูจะโดดตึกตาย และข้างๆหนูเอง มีเงาดำ มายืนข้างๆ หนูได้ยินเสียงในใจแบบ
เขาพูดว่า “ไหวไหม อย่าทำอะไรเลยนะ” หลังจากที่หนูเห็นผู้ชายคนนั้นหัวเราะ หนูก็คิดในใจว่า “มึงไม่ต้องหัวเราะ กูไม่ยอมตายเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนใครหรอก” แล้วมันก็หยุดหัวเราะ หนูก็ลงมาเลยค่ะพี่
ในใจตอนนั้นหนูคิดว่า “มึงมาหัวเราะเอาอะไร คนอยากจะตาย” แต่พี่รู้ไหม หนูไม่ได้ไปดาดฟ้ารอบเดียวค่ะพี่ หนูเรียกว่าไปนับครั้งไม่ถ้วนเลยก้ว่าได้ มีครั้งนึง ตอนยืนร้องไห้อยู่บนดาดฟ้า
จะมีเงาดำ เงานี้จะมายืนข้างๆหนูทุกครั้งไม่พูดอะไร แต่หนูจะได้ยินในใจเหมือนเขาให้กำลังใจหนู “ไหวไหม…”
แต่หนูไม่กล้าหันไปมองจังๆสักครั้งเลยพี่ แต่ หนูก็อยากกลับไปขอบคุณเงาดำมากๆ ในตอนนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว อยากตายมากๆ แต่เขาอยู่ข้างหนูทุกครั้งเลย ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นไป หนูก็บอกเขาว่า ขอบคุณมากๆนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนตลอดเลย
น้องเกด : และเรื่องสุดท้าย คงเป็นเรื่องที่ทำให้หนูคิดได้ว่า ไม่อยากฆ่าตัวตายอีกแล้ว มันคือเรื่องนี้ค่ะพี่
ในตอนนั้นเอง เป็นตอนที่หนูต้องเข้าห้องผ่าตัดเพราะเจอก้อนเนื้อค่ะ หนูพยายามฆ่าตัวตายโดยเตรียมการไว้ โดยก่อนผ่าก้อนเนื้อประมาณ 2 เดือน หมอให้ทำการตรวจเลือด ตรวจทุกอย่างก่อนผ่าตัด
ห้ามกินยาหลายๆอย่าง สิ่งที่หนูทำคือหลังจากผลเลือดออกมาปกติ หนูตั้งใจ กินยาตัวนึงที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดในระยะเวลาสองเดือนที่เหลือ เพราะก่อนผ่าจะไม่ตรวจอะไรแล้วค่าพี่ ถ้ากินยาตัวนี้ไป ยังไงก็อาจจะเสียเลือดถึงตายได้หนูแน่วแน่และไม่เคยลังเลที่จะถอยหลังกลับเลยสักครั้ง มุ่งมั่นในการไปโลกหน้ามากๆ ณ ตอนนั้น ไม่เคยรู้สึกว่าตัดสินใจผิดเลยสักวันค่ะ
น้องเกด : พี่รู้ไหมคะ ว่าทำไมหนูคิดแบบนั้น?
ผม : เออ นั่นซิ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ??
น้องเกด : เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟังค่ะ …
ตั้งแต่หนูจำความได้ หนูรู้สึกว่าการมีความสุขและอยากมีชีวิตอยู่ครั้งสุดท้าย คือ ตอน ป.6 ค่ะ เพราะหลังจากที่หนูป่วย มาตลอด ที่บ้านหนูมักจะพูดเสมอว่า ป่วยตลอด เมื่อไหร่จะแข็งแรงแบบคนอื่นเขา
เพราะว่าป่วยแต่ละทีก็เสียเงินค่ารักษาเยอะมากค่ะ ทำให้พอเจอที่บ้านบ่นบ่อยๆเข้า รวมถึงหนูถูกตี ถูกบังคับต่างๆนาๆ เลยก็ว่าได้ รวมถึงโดนทุบตีรึจะเรียกว่ากระทืบเลยก็ว่าได้ มันวนเวียนมานานจนหนูเป็นซึมเศร้าเลยก็ว่าได้ค่ะ ทำให้เมื่อเจอเรื่องต่างๆ ในแต่ละครั้งหนูจะพยายามฆ่าตัวตายให้ได้เลยค่ะ รวมถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานมานี้ค่ะ
เรื่องมันเกิดขึ้นมาเมื่อ 3 เดือนก่อนที่หนูจะเข้าโรงพยาบาล ในวันนั้น ออน ทักข้อความมาหาหนูว่า “เราไปก่อนนะ” แต่ตอนนั้นหนูหลับอยู่ทำให้ไม่ได้อ่านหรือตอบกลับไปหาออน แต่หลังจากนั้นหนูตื่นขึ้นมา
พี่เชื่อไหม…. ฮือออ เสียงน้องเกดร้องไห้เบาๆ แค่ 1 ชม แค่ 1 ชมเท่านั้น ถ้าหนูไม่หลับ ถ้าหนูตอบกลับไป หรือ โทรไปหาตอนนั้น ออน ออนเขาคงไม่ตาย ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการฆ่าตัวตายในครั้งนี้ด้วยค่ะพี่
น้องเกด : งั้นหนูขอเล่าต่อเลยนะคะ
ผม : ได้เลย เอาสิ เล่าต่อเลย
หลังจากที่หนูพยายามฆ่าตัวตายไปแล้ว เหมือนวิญญาณหนูหลุดออกมาจากร่าง หนูมองไปที่บนเตียง เห็นร่างตัวเองนอนอยู่ แต่รอบๆเตียง เห็นวิญญาณหรือผี เป็นเงาดำๆ ไม่ได้เห็นแค่เงาเดียวแต่มีเยอะมากเลย
แล้วได้ยินเสียงรอบเตียงว่า “ตาย ตาย ตายย” หลังจากที่ตัวหนูค่อยๆลอยขึ้นมา หนูพยายามคิดถึงแม่ แล้วร่างหนูก็ไปยืนที่ตรงหน้าของแม่หนู หนูพยายามเรียกแม่ คุยกับแม่ แต่แม่ไม่ตอบอะไร หนูเลยคิดถึงเพื่อนอีกคน หนูพยายามเรียกเพื่อนคนนั้น คนนี้ แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงหนู แล้วหนูก็ไปหยุดอยู่ที่ที่นึง เป็นที่ที่ว่างเปล่า ซึ่งหนูไม่รู้เรียกสถานที่นั้นว่าอะไรแทนดี มันโล่ง มันให้ความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก
แล้วหนูก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เรียกหนูเบาๆว่า “เกด” หนูหันไปเห็นออนยืนอยู่ แต่ไม่ว่าจะพูดอะไร ออนก็ไม่ตอบ มีเพียงสีหน้าเศร้าๆ มองมาที่หนู และ อยู่ดีๆมีผู้ชายคนนึง มาปรากฎกาย แต่เขายืนหันหลังให้หนูนะ
ซึ่งหนูไม่เห็นหน้า เห็นเพียงว่าเสื้อผ้าที่ผู้ชายคนนี้ใส่เป็นชุดไทยสมัยโบราณมากๆ หนูเพียงเห็นแต่เพียงชายผ้าชุดนั้นเอง มีเสียงขึ้นมาในใจว่า “เธอต้องกลับโรงพยาบาลได้แล้ว มิเช่นนั้นเธอจะตายจริงๆนะ”
ก่อนเดินตามผู้ชายคนนี้กลับไป หนูได้ยินเสียงดังขึ้นในใจ เป็นเสียงออน โดยออนได้บอกกับหนูว่า “มีชีวิตอยู่เพื่อเรานะเกด” ภาพตัดมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ หนูค่อยๆลืมตาขึ้นมาบนเตียงคนไข้ แล้วอยู่ดีๆน้ำตาหนู ก็ค่อยๆไหลออกมาอาบแก้มหนู ฮือออ หนูคิดถึงออนมาก
น้องเกด : การฆ่าตัวตาย เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งในโรงพยาบาล เพราะหลังจากพักรักษาตัว หนูไม่รู้จะเล่ารึบอกยังไงดี การรับรู้ การสัมผัสต่างๆชัดเจนขึ้น จะเห็นเงาดำๆ บนเตียงของหนู
หลังจากกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ถ้าหนูฝันถึงใคร คนนั้นจะตายจริงๆค่ะพี่ แต่สิ่งที่กังวล เพราะหนูคิดว่าที่หนูเห็นออนในตอนนั้น อาจจะเพราะว่าเกิดจากการสัญญาในตอนนั้นรึเปล่าก็ไม่รู้ว่า ถ้าเธออยู่ชั้นจะอยู่ ถ้าเธอตาย ชั้นจะตายตามเธอไป
ผม : ไม่หรอก สิ่งสุดท้าย ออนคงอยากให้เกดมีชิวิตอยู่ “จำไว้นะ” เพื่อเป็นสะพาน เพื่อเป็นกระบอกเสียง ที่เชื่อมระหว่างคนเป็นกับคนตาย อยากให้มีชีวิตอยู่แทนออน จะได้ทำบุญแทนออนไง
รวมถึงแทนดวงวิญญาณต่างๆ ที่เทอมองเห็น อยากให้เทอทำดี ผีไม่ได้น่ากลัวนะ คนสิน่ากลัว เชื่อพี่นะ
หลังจากผมได้เรื่องราวต่างๆ จบลงผมจึงแนะนำบทสวดมนต์ต่างๆ รวมถึงบอกว่าจะส่งน้ำมนต์ของ ลป.ดู่ และแม่ชีบุญเรือนไปให้กับน้องเกดครับ
ก่อนจะวางสายกันไป น้องเกดได้ให้สัญญาและสัจจะกับผมว่า “หนูจะไม่ฆ่าตัวตาย หนูรู้แล้วว่า โลกหลังความตายที่หนูได้เจอมันเป็นอย่างไร หนูจะมีชีวิตอยู่ต่อไปตามที่เพื่อนหนูได้บอกกันหนูไว้ค่ะพี่”
ผมจึงตอบกลับไปว่า เมื่อให้สัญญาและสัจจะกันไว้แล้วก็ ไม่มีใคร รึ ผู้ใดนับจากนี้ มาพรากชีวิตของเธอไปได้ มีเพียงแต่ตัวเธอเองเท่านั้นเอง จากนั้นผมจึงบอกกับน้องๆไปว่า พวกเราแยกย้ายกันดีกว่าเพราะคุยกันมานานมากแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เมื่อมีเวลาผมได้ส่งของต่างๆ ที่ได้ตั้งใจจะมอบให้ รวมไปถึง น้ำมนต์ให้กับน้องเกด เกดทักมาบอกว่า หลังจากที่ได้ดื่มน้ำมนต์ลงไปสักพัก พี่เชื่อไหมว่าหนูถ่ายท้องหนักมาก เหมือนไส้จะบิดให้ได้เลยพี่ นั่งเฝ้าห้องน้ำเป็นชั่วโมงๆเลย ผมคิดเอาเองว่าน่าจะเพราะสิ่งที่หนูโดนมนต์ดำจากพ่อเลี้ยง มันถูกขับออกไป รวมถึงน้องเกดบอกกับผมว่า หนูหลับสบายมาก และไม่ฝันถึงเพื่อนอีกเลย และที่แปลกคือ หลับสบายมาก จนกลัวว่าจะไหลตายเสียด้วยซ้ำ เรียกว่าหลับได้เยอะ และ นานกว่าแต่ก่อนมากเลยพี่
และเรื่องราวอยากตายไม่ได้ก็จบลง สุดท้ายน้องเกดย้ำและให้สัจจะกับผมว่า หนูจะไม่ฆ่าตัวตายแล้วค่ะเพราะว่าโลกหลังความตายมันน่ากลัวจริงๆ ขอบคุณพี่มากเลย
สุดท้ายผมขอขอบคุณ น้องเกด น้องตูน และเหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายที่ได้นำมาเล่าในเรื่องนี้ และ ท้ายสุด เพื่อนของผมเองที่ช่วยเขียนจากคำบอกเล่า รวมถึงแก้ไขคำผิดให้อีกทีหนึ่งครับ ตอนนี้เพื่อนตัวลอยแล้ว ชมเยอะ ฮ่าๆ
ปล. สำหรับใครที่สงสัยว่า ทำไมถึงต้องเป็น DAY 1 ความหมายของรูปในตอนนี้ นั่นคือ เมื่อเกดให้สัญญากับคุณทีแล้วจึงนับว่าเป็นวันแรก ของชีวิตใหม่ของน้องเกดที่จะเริ่มนับไปนั่นเอง เหมือนอารมณ์ตายจากเธอคนนั้น…. เพื่อเป็นเธอในวันนี้ วันที่จะไม่มีทาง หวนกลับไปคิดสั้น ฆ่าตัวตายอีกนับจากวันที่ให้สัญญาและสัจจะกันไว้…