วันก่อนได้เม้ามอยเกี่ยวกับทวารทั้ง 6 ในร่างกายของเรา เลยลองถามว่ารู้จักไหมว่า ร่างกายของคนเรามีทวารทั้ง 6 ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่รู้ แถมยังอยากรู้ด้วยว่า ทวารทั้ง 6 นั้นมีอะไรบ้าง เพื่อความรู้ที่ควรแนะนำ วันนี้เราเลยมาพูดถึง “ทวารทั้ง 6” หรือช่องทางทั้งหกทางนี้ เป็นแนวคิดสำคัญที่มีอยู่ในพุทธศาสนา ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจกลไกของจิตใจในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ และมีผลต่อความคิด ความรู้สึก และการกระทำ การเรียนรู้เรื่องทวารทั้ง 6 ช่วยให้เราสามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงตนเอง สร้างความเข้าใจในการตัดสินใจและควบคุมอารมณ์ ตลอดจนเป็นวิธีในการนำไปสู่การพัฒนาชีวิตและจิตใจอย่างยั่งยืน
ความหมายของทวารทั้ง 6
ทวารทั้ง 6 ประกอบไปด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ โดยแต่ละทวารนี้มีหน้าที่และการทำงานที่ต่างกันไป:
- ตา – เป็นประตูทางที่ใช้รับรู้ภาพและสีสัน ตาเปิดโอกาสให้เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก ภาพเหล่านี้อาจทำให้เกิดความพึงพอใจหรือความไม่พอใจ เมื่อเรามองเห็นสิ่งที่ชอบเรามักเกิดความรู้สึกอยากได้อยากมี ในทางตรงกันข้ามหากเราเห็นสิ่งที่ไม่ชอบก็มักเกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจ
- หู – เป็นประตูทางที่ใช้รับรู้เสียง การได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะ เสียงคำชม หรือเสียงของธรรมชาติอาจทำให้จิตใจรู้สึกสบาย แต่ในขณะเดียวกันเสียงที่ไม่พึงประสงค์หรือคำพูดที่ไม่ไพเราะก็สามารถกระตุ้นความโกรธหรือความไม่พอใจ
- จมูก – เป็นประตูทางที่ใช้รับรู้กลิ่น เมื่อจมูกสัมผัสกลิ่นหอม กลิ่นดอกไม้ หรือกลิ่นอาหารที่ดี อาจทำให้เกิดความพอใจ แต่หากได้กลิ่นเหม็นก็จะทำให้รู้สึกไม่พอใจ
- ลิ้น – เป็นประตูทางที่ใช้รับรู้รสชาติ ลิ้นทำให้เรารับรสของอาหารและเครื่องดื่ม รสชาติอาจทำให้เกิดความพึงพอใจหรือไม่พอใจ และยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการอยากทานในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความต้องการที่ยากต่อการควบคุม
- กาย – เป็นประตูทางที่ใช้รับรู้การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสที่นุ่มนวล สบาย หรือสัมผัสที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด การรับรู้ทางกายทำให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลายและมีผลต่อจิตใจ
- ใจ – เป็นประตูที่ใช้รับรู้ความคิดและความรู้สึกต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิตใจ ทำให้เกิดความปรารถนา ความโกรธ ความรู้สึกผิดหวัง หรือแม้กระทั่งความสงบสุขใจ
ความเกี่ยวข้องของทวารทั้ง 6 กับการดำเนินชีวิต
ทวารทั้ง 6 เป็นช่องทางที่ทำให้จิตใจเราเกิดความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การมองเห็นสิ่งสวยงามอาจทำให้เกิดความพึงพอใจ แต่ก็อาจทำให้เรายึดติดกับสิ่งนั้นจนเกิดความปรารถนาเกินควร ดังนั้น การมีสติรู้ตัวจะช่วยให้เรารู้จักยับยั้งอารมณ์ และไม่ให้ความพึงพอใจหรือความไม่พอใจที่เกิดจากทวารเหล่านี้มีอิทธิพลต่อเรา
การฝึกฝนให้มีสติในทุกทวารนั้นช่วยให้เราแยกแยะความรู้สึกและอารมณ์ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ดี แทนที่จะโกรธและตอบกลับอย่างไม่มีเหตุผล การรู้จักระงับอารมณ์และรับรู้ว่าเสียงที่ผ่านเข้ามาในหูเป็นเพียงสิ่งที่เราได้ยิน แต่ไม่ได้จำเป็นต้องยึดติดกับความโกรธนั้น สิ่งนี้ทำให้เราสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างสุขุมและมีสติ
การฝึกฝนเพื่อมีสติรู้ตัวในทวารทั้ง 6
การฝึกฝนสติในแต่ละทวารช่วยให้เรารับรู้และควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น วิธีฝึกฝนง่าย ๆ ได้แก่
- การฝึกสติทางตา: เมื่อเรามองเห็นสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ ลองหยุดสักครู่แล้วสังเกตอารมณ์ที่เกิดขึ้น อาจถามตนเองว่าอารมณ์นั้นมีที่มาอย่างไร และมันส่งผลต่อเรามากแค่ไหน
- การฝึกสติทางหู: เมื่อได้ยินคำพูดหรือเสียงต่าง ๆ ลองสังเกตว่าสิ่งนั้นทำให้เราเกิดอารมณ์อะไร จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะตอบสนองอย่างไร
- การฝึกสติทางจมูก ลิ้น และกาย: ฝึกตนเองให้รู้จักความพอดี เช่น เมื่อได้กลิ่นที่หอมก็เพียงรู้สึกพึงพอใจแต่ไม่ยึดติดกับมัน หรือเมื่อรับประทานอาหารก็ฝึกกินให้พอดีไม่ตามใจความอยากจนเกินไป
- การฝึกสติทางใจ: การฝึกใจให้รู้จักปล่อยวางเมื่อมีความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เช่น เมื่อคิดในทางลบ การรู้เท่าทันความคิดและเรียนรู้ที่จะปล่อยผ่านไม่ติดตามความคิดเหล่านั้นจะช่วยให้ใจสงบขึ้น
ประโยชน์ของการรู้จักทวารทั้ง 6
- พัฒนาสติปัญญาและความคิด – การมีสติรู้ตัวในทวารทั้ง 6 ทำให้เรามองเห็นโลกด้วยความเป็นกลางและเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความพอใจหรือไม่พอใจ เป็นการฝึกปัญญาให้สามารถรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ
- เพิ่มความสงบสุขใจ – เมื่อเรารู้จักทวารทั้ง 6 และสามารถควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ จิตใจจะสงบ ไม่ต้องยึดติดกับอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกสงบสุขและพึงพอใจกับชีวิตอย่างแท้จริง
- ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ – เมื่อเราเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างสุขุมและมีสติ ความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็จะดีขึ้นเพราะเราจะไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
- ส่งเสริมการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ – การมีสติรู้ตัวตลอดเวลาไม่เพียงแค่ทำให้เรารู้จักควบคุมอารมณ์ แต่ยังทำให้เราเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายและมีประสิทธิภาพ
เมื่อมีเปิดแล้วก็ต้องมีปิด โดยการปิดกั้นทางร่างกาย (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) นั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ?
- ตา (การมองเห็น): เมื่อถูกปิดกั้นความสามารถในการมองเห็น จะทำให้เราไม่สามารถรับรู้ภาพรอบข้าง การสังเกตสิ่งแวดล้อมจะถูกจำกัด ทำให้ไม่สามารถเข้าใจสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจน การสูญเสียการมองเห็นยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวและการทำงานประจำวันด้วย
- หู (การได้ยิน): เมื่อการได้ยินถูกปิดกั้น เราจะสูญเสียความสามารถในการรับฟังเสียง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสารกับผู้อื่นและการเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เสียงเป็นสื่อสำคัญในการเรียนรู้และการสร้างปฏิสัมพันธ์ ดังนั้น การขาดการได้ยินจะทำให้การเรียนรู้และการปรับตัวลำบากขึ้น
- จมูก (การดมกลิ่น): เมื่อการดมกลิ่นถูกปิดกั้น จะทำให้เราไม่สามารถรับรู้กลิ่นต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งการรับรู้กลิ่นก็มีบทบาทสำคัญในการรับรู้สัญญาณอันตราย เช่น กลิ่นแก๊สรั่ว กลิ่นอาหารเสีย นอกจากนี้ การไม่ได้กลิ่นอาจทำให้การรับรสของอาหารเปลี่ยนไปเพราะกลิ่นส่งผลต่อการรับรู้รส
- ลิ้น (การรับรส): หากการรับรสถูกปิดกั้น รสชาติของอาหารจะไม่มีผลต่อเรา ซึ่งอาจทำให้ความเพลิดเพลินในการกินหายไป และอาจส่งผลกระทบต่อโภชนาการและสุขภาพโดยรวมได้
- กาย (การสัมผัส): เมื่อความสามารถในการสัมผัสถูกปิดกั้น จะทำให้เราสูญเสียความรู้สึกทางกาย เช่น ความร้อน ความเย็น ความเจ็บปวด ความแข็งนุ่ม สิ่งนี้อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น เพราะเราไม่สามารถรับรู้ถึงอันตรายรอบตัวได้
2. การปิดกั้นทางจิตใจ (ใจ/จิต)
- ใจ (จิตใจและการรับรู้): การปิดกั้นใจ หรือการหยุดยั้งความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ จะส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก การไม่สามารถควบคุมหรือสังเกตใจได้อาจนำไปสู่ความเครียด วิตกกังวล หรือความรู้สึกซึมเศร้า การปิดกั้นทางใจอาจหมายถึงการถูกจำกัดในการแสดงออก การตีความโลกภายนอก การแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์ ซึ่งทำให้เรารับมือกับปัญหาได้ยากขึ้น
3. ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
- การขาดการรับรู้ทางทวารทั้งหกจะทำให้เรามีความสามารถลดลงในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถสื่อสารและเข้าใจผู้อื่นได้ดี ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและสับสน การใช้ชีวิตประจำวันจะมีข้อจำกัด ทำให้เราต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
4. ด้านจิตวิญญาณ
- ในบางวัฒนธรรม การปิดทวารทั้ง 6 อาจถูกมองว่าเป็นการหลีกหนีจากการรับรู้โลกภายนอกและมุ่งเน้นไปที่จิตใจภายใน เพื่อให้เกิดความสงบหรือบรรลุการตระหนักรู้ที่สูงขึ้นในด้านจิตวิญญาณ การปิดกั้นการรับรู้บางอย่างอาจช่วยลดสิ่งรบกวนและทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกสมาธิหรือเจริญปัญญาได้มากขึ้น
5. แนวทางในการใช้ชีวิตเมื่อถูกปิดทวาร
- การฝึกสมาธิหรือการฝึกใจให้สงบเป็นวิธีหนึ่งในการทำให้เราเรียนรู้ที่จะรับรู้ทวารภายในมากกว่าทวารภายนอก เช่น การฝึกควบคุมความคิด ความรู้สึก หรือการตอบสนองทางจิตใจ อาจช่วยให้เราปรับตัวและเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- หากเราพัฒนาการตระหนักรู้ถึงการเปิดหรือปิดทวารบางอย่างในช่วงเวลาหนึ่ง จะช่วยให้เรามีการจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
จะเห็นได้ว่าหากทวารทั้ง 6 เป็นช่องทางที่ทำให้เราเกิดอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ การมีสติรู้ตัวและการฝึกฝนให้ไม่หลงใหลหรือยึดติดกับสิ่งที่เข้ามาทางทวารเหล่านี้ จะช่วยให้เรามีชีวิตที่สงบสุข มีความสัมพันธ์ที่ดีและสามารถเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้อย่างมั่นคง