บุญกริยาวัตถุ 10 คืออะไร? แล้ว การทำบุญ 10 วิธีนั้น มีวิธีใดบ้าง ก่อนที่เราจะเริ่มเรื่องนี้
ขอเท้าความกลับไปยัง เหตุของการเขียนบทความนี้ เกิดจากว่า ก่อนหน้านี้ ทางมามูมะ
กำลังจะออกไพ่สำรับใหม่ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะออกเรื่องใดบ้าง หลังจากใช้เวลาสักพัก
จึงได้ออก ไพ่ชุดใหม่ ที่มีชื่อว่า ไพ่ร่วมบุญ เกิดจาก การนำหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา
ในเรื่องของการทำบุญมาสร้างขึ้นมาในไพ่ชุดนี้ เพื่อเป็นการสอดแทรก บุญกริยาวัตถุ 10
เข้าไปให้ทุกๆท่านได้ ร่วมในการทำบุญในด้านๆต่างๆ ไม่ใช่แค่เพียงแต่การทำทานเท่านั้น
งั้นเพื่อให้ไม่เสียเวลา งั้นเรามาลองดูกันครับว่า บุญกริยาวัตถุ 10 ในศาสนาพุทธ มีอะไรบ้าง
การให้ทาน หรือ ทานมัย
เป็นการเสียสละ หรือ เผื่อแผ่แบ่งปัน ช่วยขจัดความเห็นแก่ตัว ไม่ยึดติดกับวัตถุ
เพราะการให้ทานเป็นการลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ถี่เหนียว อีกทั้งสิ่งของที่เราให้ไปนั้นช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับ
รักษาศีล หรือ สีลมัย
เป็นการฝึกฝนที่จะ ลด ละ เลิกการทำสิ่งไม่ดี อาจหมายรวมถึงการรักษากายวาจาใจให้เรียบร้อย เป็นการฝึกฝนมิให้ไปเบียดเบียนผู้อื่น
รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแพร่ผู้อื่น เหล่านี้ล้วนเป็นการรักษาศีล และเป็นหนึ่งในการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผลบุญข้อนี้จะทำให้เรากลายเป็นคนเยือกเย็น สุขุมด้วย
เจริญภาวนา หรือภาวนามัย
การภาวนาเป็นการพัฒนาจิตใจและปัญญา ทำให้จิตสงบ รู้จักการตัดกิเลส ไม่มีเรื่องเศร้าหมอง เห็นคุณค่าสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอย่อมเป็นหลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชีวิตมีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้น สูงขึ้น
ซึ่งในข้อนี้หลายคนอาจจะทำเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น นั่งสมาธิ วิปัสสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแล้ว สาธุครับ
อ่อนน้อมถ่อมตน หรือ อปจายนมัย
ผู้น้อยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อผู้น้อย ให้ความเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกันและกันทั้งในความคิด การแสดงออก ในด้านความเชื่อและวิถีปฏิบัติของบุคคลและสังคมอื่น เป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของเรานั่นเอง
ช่วยเหลือสังคมรอบๆตัว หรือไวยาวัจจมัย
เป็นการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมรอบๆตัว ในการทำกิจกรรมความดีต่างๆ ช่วยเหลือเสียสละแรงกายเพื่อส่วนรวมหรือช่วยเหลือผู้คนรอบๆตัวหากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบุญอีกแบบหนึ่ง และผลบุญในข้อนี้ก็จะช่วยให้เกิดความรักความสามัคคี ความโอบอ้อมอารีซึ่งกันและกันอีกด้วย
เปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำบุญกับเรา บอกบุญ หรือ ปัตติทานมัย
โดยการทำงานก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วมทำ ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไปถึง ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มาร่วมทำบุญด้วย ไม่ขี้เหนียว เพราะอยากได้บุญใหญ่ไว้คนเดียว รวมไปถึงการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
การอนุโมทนาส่วนบุญ หรือ ปัตตานุโมทนามัย
การชื่นชมยินดีหรืออนุโมทนา เมื่อใครไปทำบุญมาก็รู้สึกชื่นชมยินดีไปด้วย โดยไม่คิดอิจฉาหรือระแวงสงสัยในการทำความดีของผู้อื่น ซึ่งหากเราเห็นว่าสิ่งนั้นกระทำไปโดยที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเราควรร่วมอนุโมทนาบุญนั้นเป็นอย่างยิ่ง
การฟังธรรม หรือ ธรรมสวนมัย
บ่มเพาะสติปัญญาให้สว่างไสว ฟังธรรมะ ฟังเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อสติปัญญา หรือมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นความจริง ความดี ความงาม ก็เป็นบุญ ซึ่งการฟังธรรมนี้ ไม่จำเป็นต้องไปฟังที่วัด หรือจากพระท่านโดยตรง แต่อาจจะฟังจากเทป ซีดี หรือเป็นการฟังจากผู้รู้ต่างๆ และธรรมในที่นี้ ก็มิได้หมายถึงแต่เฉพาะหลักธรรม ในทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงเรื่องจริง เรื่องดีๆ ที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และปัญญา ผลบุญข้อนี้จะทำให้ผู้ฟังเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงยิ่งขึ้น
การแสดงธรรม หรือ ธรรมเทศนามัย
ให้ธรรมะและข้อคิดที่ดีกับผู้อื่น แสดงธรรมนำธรรมะไปบอกกล่าว เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รับฟัง ให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นเรื่องของความจริง ผลบุญในข้อนี้ นอกจากจะทำให้ผู้อื่นได้รับรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว ยังทำให้ผู้บอกกล่าวได้รับการยกย่องสรรเสริญอีกด้วย
การทำความเห็นให้ถูกต้อง เหมาะสม หรือ ทิฏฐุชุกรรม
การไม่ถือทิฐิ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ แต่ให้รู้จักแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องตามธรรมอยู่เสมอ หรือจะพูดง่ายๆ ว่า ให้คิดและประพฤติตนให้ถูกต้อง ตามทำนองครองธรรมก็ได้ ซึ่งข้อนี้แม้จะเป็นข้อสุดท้ายแต่ก็สำคัญยิ่ง เพราะไม่ว่าจะทำบุญใดทั้ง 9 ข้อที่กล่าวมา หากมิได้ตั้งอยู่ในทำนองครองธรรม การทำบุญนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ และให้ผลได้ไม่เต็มที่ ดังจะได้กล่าวถึงเกณฑ์การวัดบุญต่อไป
การทำบุญ ๑๐ ประการนี้ เราสามารถสรุปเป็นข้อความได้ดังนี้
- แบ่งปันกันกิน
- รักษาศีล
- เจริญสมาธิภาวนา
- กายวาจาใจ อ่อนน้อม
- ยอมตนรับใช้
- แบ่งให้ความดี
- มีใจอนุโมทนา
- ใฝ่หาฟังธรรม
- นำแสดงออกไม่ได้เว้น
- ทำความเห็นให้ถูกต้อง
หลักเกณฑ์สำหรับการทำบุญ ที่จะให้ได้ผลบุญมากหรือน้อยนั้น เรามีด้วยกันทั้งหมด 3 ข้อนั่นคือ
ผู้รับ
ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ นักบวช เสมอไปแต่เป็นบุคคลอย่างเราได้เลยไม่มีปัญหา เพียงแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีศีล
และมีคุณธรรมความดี ยิ่งเป็นผู้ประพฤติดี คิดดีทำดี มากเพียงใด ผู้ให้อย่างเราๆนั้นก็จะได้รับผลบุญมากขึ้นตามไป
ผู้ให้
การที่เราเป็นผู้ให้นั้น หากช่วงที่ก่อนให้ ขณะที่กำลังให้และ หลังจากที่เราให้นั้น เรามีเจตนาหรือจิตใจที่เป็นบุญกุศล และ ตัวเราเองนั้นเป็นผู้มีศีลธรรมในใจ จิตใจเราผ่อนใส่ เช่นนั้นแล้ว จะทำให้เราได้รับบุญมาก แต่ถ้าหากเรามีอกุศลจิตในช่วงนั้น บุญก็ลดน้อยถอยลงตามเจตนาของเรา
วัตถุสิ่งของ
สิ่งของเหล่านั้นที่จะนำไปให้แก่ผู้อื่นนั้น ต้องได้มาด้วยความสุจริต ต้องบริสุทธ์ และ เป็นของที่มีประโยชน์และเหมาะสมต่อผู้รับก็จะได้บุญมาก หากได้มาโดยทุจริต แม้จะเอาไปทำบุญก็ได้บุญน้อย
จากบุญกริยาวัตถุ 10 ทั้ง 10 ข้อข้างต้นที่ได้กล่าวถึงทั้งความหมายทั้งวิธีการนั้น เราจะเห็นว่า แม้ตัวเรานั้น ไม่มีเงินทองหรือสิ่งของ ในการทำบุญ ที่พวกเราทั้งหลายเรียกว่า “การให้ทาน” หรือ ทานมัย ซึ่ง ถือว่าเป็นการทำบุญที่งาน
และเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่า การทำบุญในรูปแบบอื่นๆ แต่ เห็นไหมครับว่า บุญกริยาวัตถุ 10 นั้น ยังมีอีก 9 วิธี
ที่ทุกๆท่านสามารถเลือกทำบุญได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน เพียงแต่ เราใช้เพียง กาย วาจา และ ใจของเรานั้น
ในการปฎิบัติแทน ซึ่งหากเรานำข้อแนะนำ และ ข้อปฎิบัติต่างๆ เหล่านี้นั้น ทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ในชีวิตของเรา
ผมเชื่อได้ว่าบุญที่เราได้ทำนั้น จะสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ