มูให้ดู

10 วันพลิกชะตา คเณศจตุรถี 2568 เคล็ดลับเสริมโชคลาภและความสำเร็จ

คเณศจตุรถี 2568

ในปีพุทธศักราช 2568 นี้ วันพลิกชะตา คเณศจตุรถี 2568 เคล็ดลับเสริมโชคลาภและความสำเร็จ ช่วงเวลาอันเป็นมงคลยิ่งจะตรงกับวันที่ 27 สิงหาคม ถึง 6 กันยายน รวมเวลาทั้งสิ้น 10 วันเต็ม นี่ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง แต่คือ “โอกาสทอง” ที่ฟ้าประทานให้เราได้ตั้งสัจจะอธิษฐานครั้งใหญ่ เพื่อชำระล้างพลังงานเก่า และเปิดทางให้พลังงานใหม่แห่งความสำเร็จในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความรัก หรือสุขภาพ ได้ไหลเวียนเข้ามาในชีวิตของเราอย่างราบรื่น

และในวันนี้ ผมได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้ท่านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดแล้วครับ ตั้งแต่ประวัติและความหมายอันลึกซึ้ง, การเตรียมของไหว้ที่ถูกต้องตามหลักพลังงาน, ขั้นตอนการบูชาอย่างละเอียด, บทสวดมนต์ที่ทรงพลังที่สุดพร้อมคำแปล, แม่แบบคำอธิษฐานที่เจาะจงเฉพาะเป้าหมาย, เคล็ดลับการสร้างสนามพลังบุญ, พิกัดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไทย และที่สำคัญคือ แผนปฏิบัติการ 10 วัน ที่ท่านสามารถทำตามได้จริงแบบวันต่อวัน

พร้อมแล้ว… เรามาเริ่มต้นการเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์นี้ไปพร้อมกันนะครับ

พวกเราส่วนใหญ่รู้จัก “พระพิฆเนศในฐานะเทพเศียรช้าง” แต่แท้จริงแล้ว ทุกอณูบนพระวรกายของพระองค์คือปรัชญา คือ “ภาษาแห่งสัญลักษณ์” ที่สอนบทเรียนแห่งความสำเร็จให้แก่เรา

ตำนานกำเนิด – บทเรียนแห่งการยอมรับและให้เกียรติ
เรื่องเล่ากล่าวว่า พระแม่ปารวตี พระมเหสีแห่งพระศิวะ ได้ใช้ผงขมิ้นและเครื่องหอมจากพระวรกายของพระนาง ปั้นเป็นเด็กชายรูปงาม และมอบชีวิตให้เพื่อเป็นพระโอรส และรับสั่งให้เฝ้าหน้าประตูไว้ ขณะที่พระนางกำลังสรงน้ำชำระพระวรกาย เมื่อองค์พระศิวะเสด็จกลับมา จะทรงเข้าข้างใน แต่เด็กชายผู้ไม่รู้จักพระบิดาและยึดมั่นในคำสั่งของพระมารดา ก็ได้ขัดขวางไว้ จนเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่และน่าเศร้า ด้วยฤทธานุภาพแห่งมหาเทพ พระศิวะได้บั่นพระเศียรของเด็กชายนั้นขาดสะบั้น

เมื่อพระแม่ปารวตีทรงทราบ ก็โศกเศร้าโทมนัสอย่างยิ่ง พระศิวะเมื่อทรงสำนึกในความผิดพลาดที่ขาดการไตร่ตรอง จึงมีรับสั่งให้เทพบริวารไปนำ “ศีรษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบ” ซึ่งหันหน้าไปทางทิศเหนืออันเป็นทิศมงคล กลับมาต่อให้ ซึ่งก็คือศีรษะของช้างพลาย และได้ทรงชุบชีวิตเด็กชายขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งประทานพรให้เด็กชายผู้นี้มีนามว่า “คเณศ” ซึ่งแปลว่า “ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ” และยังให้พรสำคัญที่สุดว่า “นับแต่นี้ไป ผู้ใดก็ตามจะประกอบพิธีกรรมหรือริเริ่มกิจการงานใด สิ่งแรกที่ต้องทำคือการถวายสักการะบูชาต่อพระคเณศเสียก่อน มิฉะนั้นกิจการนั้นจะเกิดอุปสรรคและไม่สำเร็จ”

นี่คือที่มาว่าเหตุใดพระองค์จึงเป็น “เทพแห่งการเริ่มต้น” และ “องค์ปฐมบูชา” นั่นเองครับ

ถอดรหัสสัญลักษณ์ – แผนที่สู่ความสำเร็จ

งาที่หักหนึ่งข้าง: นี่คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครับ งาเปรียบเสมือน “อัตตา” หรือ “ความสมบูรณ์แบบที่เรายึดติด” การที่งาหักหนึ่งข้างเพื่อใช้จดบันทึกมหากาพย์มหาภารตะ สอนให้เรารู้ว่า “เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า เราต้องยอมสละบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป” อาจจะเป็นความสบายส่วนตัว เวลาที่ไม่ก่อประโยชน์ หรือแม้แต่อัตตาที่แข็งกระด้างของเราเอง ความสำเร็จที่แท้จริงต้องแลกมาด้วยการเสียสละครับ

หนูมุสิกะ (พาหนะ): ท่านเคยสังเกตใจของตัวเองไหมครับ มันวิ่งพล่าน คิดเร็ว เปลี่ยนเรื่องเร็ว เหมือนหนูที่ซอกซอนไปทุกที่ หนูคือสัญลักษณ์ของ “ความคิดและความปรารถนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” การที่หนูมุสิกะยอมสยบอยู่แทบพระบาทของพระองค์ หมายความว่า “ผู้มีปัญญาที่แท้จริง ย่อมสามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้” จำไว้นะครับ ใครควบคุมใจได้ คนนั้นควบคุมโชคชะตาของตนเองได้

พระอุทรที่ใหญ่, พระกรรณที่กว้าง, และพระเนตรที่เล็ก: พระอุทรหรือท้องที่ใหญ่ คือความสามารถในการ “รองรับและย่อยสลายทุกเรื่องราวในชีวิตได้ ทั้งดีและร้าย” ไม่ตีโพยตีพายไปกับคำนินทา และไม่เหลิงไปกับคำสรรเสริญ พระกรรณหรือหูที่ใหญ่ คือการ “เป็นนักฟังที่ดี ฟังให้มาก พูดให้น้อย” เพื่อรวบรวมข้อมูลและปัญญา พระเนตรหรือตาที่เล็ก คือการ “มีสมาธิและโฟกัสไปยังเป้าหมายเพียงจุดเดียว” ไม่วอกแวกไปกับสิ่งเร้ารอบข้าง

ขนมโมทกะ: ไม่ใช่แค่ของหวาน แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความสุขอันล้ำลึกที่เกิดจากการได้รู้แจ้งหรือบรรลุเป้าหมาย” เป็นรางวัลแห่งความเพียรพยายาม

งวงที่โค้งงอและยืดหยุ่น: งวงช้างนั้นทรงพลัง สามารถหักโค่นต้นไม้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบของชิ้นเล็กๆ ได้อย่างนุ่มนวล นี่คือบทเรียนเรื่อง “ความยืดหยุ่นและการปรับตัว” ในชีวิต เราต้องรู้จักใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ต้องแข็งแกร่งในหลักการ แต่ยืดหยุ่นในวิธีการ

สรุปสั้นๆ ก็คือ องค์พระพิฆเนศคือภาพสะท้อนของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ที่สอนเราว่า ปัญญาที่เฉียบคม + วินัยที่มั่นคง + จิตใจที่สงบนิ่งและยืดหยุ่น คือกุญแจที่ไขประตูสู่ความสำเร็จทุกบานในโลกใบนี้

เมื่อเราเข้าใจแก่นแท้แล้ว ต่อไปคือการเตรียมการภาคปฏิบัติครับ

หัวใจสำคัญที่สุดคือ “ความศรัทธา” ครับ ไม่ว่าจะเป็นเทวาลัยที่ยิ่งใหญ่ หรือหิ้งพระเล็กๆ ที่บ้าน หากจิตเราเลื่อมใส ที่นั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสพลังงานในสถานที่จริง ผมขอแนะนำพิกัดยอดนิยมที่หลายคนไปแล้วสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ดีครับ

ในกรุงเทพมหานคร: มีเทวาลัยพระพิฆเนศ สี่แยกห้วยขวาง ที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาตลอด 24 ชั่วโมง, องค์พระพิฆเนศหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์กลางแห่งธุรกิจ, วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า ที่มีเทวรูปหินอ่อนงดงาม, หรือจะเป็นวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือวัดแขก สีลม และวัดวิษณุ ยานนาวา ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่และถูกต้องตามประเพณี

จังหวัดฉะเชิงเทรา: ถือเป็นเมืองแห่งพระพิฆเนศ มีทั้งวัดสมานรัตนาราม ที่มีองค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุด, อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน องค์ยืนเนื้อสำริดที่ใหญ่ที่สุด, และวัดโพรงอากาศ ที่มีอุโบสถรูปร่างแปลกตาและองค์พระพิฆเนศขนาดใหญ่

จังหวัดอื่นๆ ที่น่าสนใจ: เช่น ปราสาทนครหลวง ที่อยุธยา, อุทยานพระพิฆเนศ ที่นครนายก, เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ ที่นนทบุรี, พิฆเนศวรเทวาลัย ที่เชียงใหม่ หรือ มหาเทวาลัย พระพิฆเนศปางมหาราชา ที่สมุทรปราการ

แต่ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ การ “ไหว้ที่บ้าน” ด้วยใจที่บริสุทธิ์และสมาธิที่แน่วแน่ ก็ทรงพลังและขลังไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อยครับ

ของไหว้ไม่ใช่ “สินบน” แต่คือ “สัญลักษณ์” แทนความปรารถนาดีและความเคารพของเราครับ

ดอกไม้: ดอกดาวเรืองสีเหลืองทอง แทนความรุ่งเรือง, ดอกบัว แทนปัญญาและการหลุดพ้นจากความทุกข์, ดอกกุหลาบสีชมพูหรือสีแดง แทนความรักและเมตตา

ผลไม้มงคล 5 อย่าง: นิยมใช้ กล้วย, อ้อย, มะพร้าว, ส้ม, ชมพู่ หรือผลไม้อื่นๆ ตามฤดูกาล ให้ครบ 5 อย่างเพื่อความเป็น “เบญจสิริมงคล”

น้ำสะอาดและนมสด: คือตัวแทนของ “ความบริสุทธิ์” และ “ความอ่อนโยน” ที่เราปรารถนาจะน้อมถวายและรับพรกลับมา

ขนมหวาน: อย่างน้อย 5 ชนิด หากหา ขนมโมทกะหรือลาดู ซึ่งเป็นของโปรดของพระองค์ได้จะดีที่สุด แต่หากหาไม่ได้ ขนมไทยมงคลของเรา เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน หรือแม้แต่ข้าวต้มมัด ก็สามารถใช้ทดแทนได้ด้วยความหมายที่ดีครับ

เมล็ดพืชหรือธัญพืช: เช่น ถั่วต่างๆ งา หรือข้าวสาร แทน “เมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ” ที่เรากำลังจะหว่านลงไปและขอพรให้ท่านช่วยดูแลให้งอกงาม

ข้อควรจำ: งดเว้นเนื้อสัตว์และของคาวทุกชนิด รวมถึงของมึนเมาโดยเด็ดขาดบนโต๊ะบูชาครับ

นี่คือส่วนที่สำคัญมากครับ คือการเปลี่ยนโต๊ะธรรมดาให้เป็นแท่นบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์

ปูผ้า: ใช้ผ้าสะอาด สีมงคล เช่น สีเหลือง ส้ม หรือแดง

ทิศทาง: หากทำได้ ให้จัดโต๊ะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือเป็นทิศแห่งมงคลและทิศแห่งครูบาอาจารย์

สร้างบรรยากาศ: จุดกำยานหรือเครื่องหอมกลิ่นอ่อนๆ เช่น กลิ่นจันทน์หอม หรือกำยาน เพื่อชำระล้างพลังงานในบริเวณนั้นให้บริสุทธิ์ อาจจะเปิดเพลงสวดมนต์ของพระพิฆเนศคลอเบาๆ เพื่อช่วยให้จิตใจของเราสงบและรวมเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยสร้าง “สนามพลังงาน” ที่ดีรอบๆ ตัวเราครับ

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่หัวใจของพิธีครับ

ขั้นตอนการไหว้ (ทำตามช้าๆ นะครับ)

เตรียมกายใจ: ชำระล้างร่างกายให้สะอาด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สีสันสดใส เพื่อเป็นนิมิตหมายที่ดี

จัดของถวาย: นำของไหว้ทั้งหมดจัดวางบนโต๊ะบูชาให้สวยงาม หน้าองค์เทวรูปหรือรูปภาพของพระองค์

จุดประทีป: จุดเทียน ธูป หรือกำยาน ตั้งนะโม 3 จบ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัยตามแบบชาวพุทธเราก่อน

สวดมนต์บูชา: เริ่มต้นด้วยบทสวดพื้นฐานที่ทรงพลังที่สุด เลือกบทใดบทหนึ่ง หรือจะสวดทั้งสองบทก็ได้ครับ

    บทแรก “โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา” (สวด 9, 27 หรือ 108 จบตามกำลัง) บทนี้คือการน้อมกาย วาจา ใจ แด่พระองค์

    หรือบทที่สอง “โอม คัม คณปตเย นะมะฮา” ซึ่งเป็น “พีชมନ୍ତ୍ର” หรือมนต์แห่งแก่นแท้ของพระองค์

ตั้งจิตอธิษฐาน: เมื่อสวดจบแล้ว ให้หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ... หายใจออกยาวๆ... ทำแบบนี้ 3 ครั้ง แล้วน้อมจิตระลึกถึงพระพักตร์อันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระองค์ ตั้งเจตนาที่ชัดเจนว่า “ในเทศกาลนี้ ข้าพเจ้าขอพรที่สำคัญที่สุดในชีวิตเพียง 1 เรื่องเท่านั้น” การขอพรที่เฉพาะเจาะจง จะมีพลังมากกว่าการขอพรแบบกว้างๆ ครับ

กล่าวคำอธิษฐาน: ใช้แม่แบบคำอธิษฐานที่ผมจะให้ต่อไปนี้ หรือจะปรับเป็นคำพูดของท่านเองก็ได้ แต่ขอให้ชัดเจน

ปิดพิธี: เมื่อกล่าวจบ ให้ปิดท้ายด้วยการกล่าวคำว่า “โอม ศานติ ศานติ ศานติ” 3 ครั้ง เพื่อขอความสงบสุขจงบังเกิดแก่โลก แก่สรรพสัตว์ และแก่ตัวเรา

ลาของไหว้: หลังจากไหว้เสร็จประมาณ 15-30 นาที ให้ทำการลาของไหว้ แล้วนำมารับประทานในครอบครัว หรือแบ่งปันให้เพื่อนบ้านและผู้ยากไร้ สิ่งนี้เรียกว่า “ปราสาท” (Prasad) หรือพรจากสวรรค์ เชื่อกันว่า “ยิ่งให้ ยิ่งแบ่งปัน พรนั้นจะยิ่งทวีคูณ”

ฤกษ์ยามมงคล: สามารถทำได้ทุกวันในช่วงเทศกาล 10 วันนี้ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนเช้าตรู่ (ประมาณ 6 โมงเช้า – 9 โมงเช้า ) หรือช่วงเย็น (ประมาณ 5 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม ) และหากตรงกับวันพุธ ก็จะยิ่งเป็นมงคลเป็นพิเศษครับ

ผมขอมอบบทสวด 2 บทที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญให้ท่านได้นำไปใช้ครับ

บท วััครตุณฑะ มหากายา (สั้นแต่ทรงพลังที่สุด สำหรับการขจัดอุปสรรค)

    บทสวด: “วัครตุณฑะ มหากายา สุริยะโกติ สมประภา / นิรวิฆนัม กุรุ เม เทวะ สรวะ การะเยสุ สรวะทา”

    คำอ่าน: วัก-คระ-ตุน-ดะ มะ-หา-กา-ยา / สุ-ริ-ยะ-โก-ติ สะ-มะ-ประ-ภา / นิ-ระ-วิก-นัม กุ-รุ-เม-เท-วะ / สัน-ระ-วะ กา-ระ-เย-สุ สัน-ระ-วะ-ทา

    ความหมาย: “ข้าแต่พระผู้มีพระพักตร์อันโค้งงอ มีพระวรกายอันยิ่งใหญ่ ผู้ทรงมีรัศมีสว่างไสวดุจดวงอาทิตย์นับล้านดวง ข้าแต่เทพเจ้า โปรดทรงขจัดอุปสรรคทั้งปวงในกิจการงานทั้งหลายของข้าพเจ้าในทุกกาลทุกเมื่อเทอญ” บทนี้เปรียบเสมือนการขอ “ไฟเขียว” จากจักรวาล ให้เส้นทางของเราปลอดโปร่งครับ

บท คเณศ คายาตรี (สำหรับเปิดดวงปัญญาและความสว่างในใจ)

    บทสวด: “โอม เอกทันตายะ วิดมเห / วัครตุณฑายะ ธีมหิ / ตันโน ทันติ ประโจทยาต”

    ความหมาย: “โอม ข้าพเจ้าขอทำสมาธิบูชาแด่พระผู้มีงาเดียว ขอน้อมจิตถึงพระผู้มีงวงอันโค้งงอ ขอองค์เทพผู้ทรงทันตะ (งา) นั้น โปรดประทานแสงสว่างแห่งปัญญาแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” บทนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน

หัวใจสำคัญคือ “ความสม่ำเสมอ” นะครับ เลือกบทที่ท่านรู้สึกเชื่อมโยงด้วยมากที่สุด แล้วสวดด้วยใจที่สงบทุกวัน ดีกว่าการสวดหลายบทแต่ใจไม่นิ่งครับ

นี่คือกุญแจสำคัญครับ การขอพรไม่ใช่การขอแบบลอยๆ แต่คือการ “ทำสัญญาใจกับจักรวาล”

หลักการ: 1. บอกตัวตนให้ชัด (ชื่อ-สกุล) 2. ระบุเป้าหมายที่วัดผลได้ 3. กำหนดเวลาที่ชัดเจน 4. และที่สำคัญที่สุด คือ สัญญาว่าจะทำความดีอะไรตอบแทนเมื่อสำเร็จ การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้ขอเพื่อตัวเองเพียงฝ่ายเดียว แต่เราพร้อมที่จะเป็นท่อส่งต่อพรนั้นไปสู่สังคมด้วย

ตัวอย่างสำหรับ "การงาน/ธุรกิจ":
“ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล-วันเดือนปีเกิด) ขอกราบอธิษฐานต่อองค์พระพิฆเนศ มหาเทพแห่งความสำเร็จ โปรดเมตตาขจัดอุปสรรคและเปิดเส้นทางให้โครงการ... (ระบุชื่อโครงการให้ชัดเจน) ของข้าพเจ้า ได้รับการอนุมัติและเซ็นสัญญาให้สำเร็จลุล่วงภายในวันที่... (ระบุวันที่) ขอให้ข้าพเจ้าได้พบเจอผู้ใหญ่ที่เมตตาอุปถัมภ์ ได้ทีมงานที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถ และขอให้ทุกขั้นตอนราบรื่นด้วยปัญญาของพระองค์ และเมื่อกิจการนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีแล้ว ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะว่า จะนำกำไรส่วนหนึ่งไปบริจาคเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนจำนวน 9 ทุน สาธุ สาธุ สาธุ”

ตัวอย่างสำหรับ "การเงิน/ปลดหนี้":
“...โปรดประทานแสงสว่างทางปัญญา ให้ข้าพเจ้าสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีระบบระเบียบ สามารถปิดหนี้สินในส่วนของ... (ระบุประเภทหนี้) เป็นจำนวนเงิน... บาท ให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีวินัยในการออมเงิน และได้พบโอกาสในการสร้างรายได้เสริมที่สุจริต และเมื่อข้าพเจ้ามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะว่า จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่บ้านพักคนชราเป็นเวลา 3 เดือน สาธุ...”

ท่านสามารถนำโครงสร้างนี้ไปปรับใช้กับเรื่องการเรียน, ความรัก, หรือสุขภาพได้เลยนะครับ ขอเพียง “เจาะจง จริงใจ และตั้งใจที่จะแบ่งปัน” พรของท่านจะมีพลังมหาศาลครับ

ตามประเพณีดั้งเดิมในอินเดีย วันสุดท้ายของเทศกาลจะมีการอัญเชิญเทวรูปที่ปั้นจากดินไปละลายในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ว่า “ทุกสิ่งมาจากธรรมชาติและย่อมกลับคืนสู่ธรรมชาติ” และเป็นการส่งเสด็จพระองค์กลับสู่สรวงสวรรค์

สำหรับเราที่บูชาที่บ้าน หากท่านมีองค์บูชาเล็กๆ ที่ทำจากดินเหนียวหรือขมิ้น ก็สามารถนำท่านไปละลายในขันน้ำสะอาด แล้วนำน้ำนั้นไปรดต้นไม้มงคลในบ้าน เป็นการหมุนเวียนพลังงานและพรนั้นให้เจริญงอกงามต่อไป แต่ถ้าท่านมีองค์บูชาถาวร ก็เพียงแค่จัดของไหว้ ดอกไม้ ธูปเทียนเป็นการพิเศษ กล่าวขอบพระคุณพระองค์ที่เมตตาประทานพรตลอด 10 วันที่ผ่านมา และตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะนำพรนั้นไปสร้างประโยชน์และจะรักษาคุณงามความดีต่อไป

นี่คือโบนัสที่ผมอยากมอบให้ครับ ลองนำไปทำดูนะครับ นอกจากจะสวดมนต์ทุกวันแล้ว ให้เราตั้งเจตนาและลงมือทำสิ่งดีๆ วันละ 1 อย่าง เพื่อสร้าง “เหตุ” ให้สอดคล้องกับ “ผล” ที่เราต้องการ

วันที่ 1: วันแห่งการเปิดทาง: ลงมือเคลียร์โต๊ะทำงาน, จัดบ้าน, หรือตอบอีเมลที่คั่งค้าง เพื่อเปิดพื้นที่ให้พลังงานใหม่ๆ ไหลเข้ามา

วันที่ 2: วันแห่งปัญญา: ตั้งใจอ่านหนังสือดีๆ หรือฟังสาระความรู้ที่มีประโยชน์อย่างน้อย 30 นาที

วันที่ 3: วันแห่งวินัย: ทำสิ่งที่ยากที่สุด หรือสิ่งที่เราผัดวันประกันพรุ่งมาตลอด ให้สำเร็จเป็นอย่างแรกของวัน

วันที่ 4: วันแห่งเมตตา: ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น บริจาคเงินเล็กๆ น้อยๆ หรือให้อาหารสัตว์จรจัด

วันที่ 5: วันแห่งการเงิน: ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองอย่างละเอียด และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป 1 อย่าง

วันที่ 6: วันแห่งความสัมพันธ์: โทรศัพท์ไปหาคนที่คุณรักและไม่ได้คุยนานแล้ว หรือกล่าวคำขอบคุณ/ขอโทษใครสักคนจากใจจริง

วันที่ 7: วันแห่งสุขภาพ: ตั้งใจดื่มน้ำให้ครบ 2 ลิตร หรือเดินให้ได้ 8,000 ก้าว เพื่อเป็นการเคารพร่างกายซึ่งเป็นวิหารของจิตวิญญาณ

วันที่ 8: วันแห่งความคิดสร้างสรรค์: ใช้เวลา 30 นาที ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ได้ทำเป็นประจำ เช่น วาดรูป, เขียนกลอน, หรือวางแผนไอเดียใหม่ๆ

วันที่ 9: วันแห่งสมาธิ: ตั้งใจนั่งสมาธิ หรือสวดมนต์บท “โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา” ให้ครบ 108 จบ ด้วยใจที่สงบนิ่งที่สุด

วันที่ 10: วันแห่งการปล่อยวาง: เขียนสิ่งที่รบกวนจิตใจ หรือสิ่งที่หมดวาระในชีวิตของเราแล้วลงในกระดาษ แล้วฉีกมันทิ้งไป เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้พรใหม่ๆ เข้ามา

มารยาทและข้อควรปฏิบัติ
แต่งกายสุภาพ, สำรวมกายวาจาใจ, งดการสัมผัสองค์เทวรูปโดยไม่จำเป็น, งดเว้นของคาวและของมึนเมาในบริเวณที่บูชา และที่สำคัญ อย่าบนบานในสิ่งที่เกินกำลังหรือผิดศีลธรรม ให้ตั้งเป็น “สัจจะอธิษฐาน” ที่เราทำได้จริง พรจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เมื่อเราสร้างเหตุปัจจัยให้สมควรแก่พรนั้นด้วยครับ

เอาล่ะครับ ก่อนจะจากกันไป ผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมทำสมาธิสั้นๆ เพื่อเชื่อมต่อกับพลังงานของพระองค์ไปพร้อมกัน…
นั่งในท่าที่สบาย… ผ่อนคลายหัวไหล่… หลับตาลงเบาๆ…
หายใจเข้าลึกๆ… รับรู้ถึงพลังงานแห่งชีวิต…
หายใจออกยาวๆ… ปล่อยความกังวลทั้งหลายออกไป…
น้อมนำใจของท่านมาอยู่กับลมหายใจ…
จากนั้น ลองจินตนาการเห็นองค์พระพิฆเนศที่งดงาม กำลังนั่งประทับอยูบนดอกบัวสีทองอยู่เบื้องหน้าของท่าน…
พระองค์มีรัศมีสีทองอ่อนๆ แผ่ออกมารอบพระวรกาย… เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา…
ให้ท่านนำเรื่องราวที่หนักใจ อุปสรรคทั้งหลายที่ท่านแบกไว้… นำไปวางไว้ที่ปลายงวงของพระองค์…
แล้วกล่าวในใจ… ขอพรเพียง “สิ่งเดียว” ที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของท่านในตอนนี้…
จากนั้น… ให้ท่านยิ้มขอบคุณพระองค์จากหัวใจ… และรับพลังงานแสงสีทองจากพระองค์ ให้ไหลเข้ามาสู่กลางหน้าอกของท่าน…
รับรู้ถึงความอบอุ่น… ความหวัง… และพลังใจที่กำลังถูกเติมเต็ม…
อยู่กับความรู้สึกนี้สักครู่…
เมื่อพร้อมแล้ว… ให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ…

สุดท้ายนี้… ผมขออวยพรให้ 10 วันมงคลแห่งเทศกาลคเณศจตุรถีในปีนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของทุกท่าน ขอให้ปัญญาของพระองค์นำทาง, ขอให้เมตตาของพระองค์โอบอุ้ม, และขอให้วินัยและความเพียรของท่าน นำพาท่านไปสู่ความสำเร็จที่ปรารถนาทุกประการ

หากเนื้อหาในวันนี้เป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับท่าน เพื่อเป็นการส่งต่อพลังงานดีๆ นี้ร่วมกัน ผมขอเชิญชวนทุกท่านพิมพ์คำว่า “สาธุ โอม ศานติ” ในช่องคอมเมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านและเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ

และอย่าลืมกดไลค์, กดแชร์เพื่อเป็นธรรมทาน, และกดติดตามช่องของเราไว้ เพื่อที่เราจะได้กลับมาพบกันในเรื่องราวดีๆ ที่จะช่วยยกระดับชีวิตและจิตวิญญาณของเราในครั้งต่อไป

สำหรับวันนี้ ขอองค์พระพิฆเนศทรงประทานพรแด่ทุกท่าน สวัสดีครับ

You may also like

พระแม่ลักษมี ตึกเกษรวิลเลจ กรุงเทพ
ท่องเที่ยวไทย มูให้ดู

รีวิวพามาไหว้ “พระแม่ลักษมี ” ตึกเกษร

วันนี้ ออกมาเดินเล่นแถวสยาม มาบุญครอง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เออร้านเดิมๆ ที่เคยเดิน เคยกินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ทำอะไรเสร็จแล้ว ได้ยินมาว่า “พระแม่ลักษมี” สามารถเข้ามาสักการะพระแม่ท่านได้แล้ว ที่ชั้น 4 ตึกเกษรวิลเลจ (หัวมุมดาดฟ้า) เพื่อไม่ให้เสียเวลาจะรอช้าอยู่ไย ผมได้ทำการเขียนวิธีการเดินทาง ประวัติความเป็นมาของพระแม่ลักษมี เวลาเปิดปิด คาถาบูชาท่าน
อานิสงส์ ของการ ปิดทองพระ ได้รับด้านใดบ้าง พร้อมความหมาย
มูให้ดู

การ “ปิดทองพระ” ได้รับอานิสงส์ด้านใด? เด่นด้านใดบ้าง?

สมัยก่อนตอนที่ยังเด็กๆ คุณพ่อและคุณแม่มักจะชอบพาผมไปวัดกับน้องอยู่บ่อยๆ ตอนมาถึงที่วัดก่อนจะเข้าไปไหว้รึทำกิจกรรมอะไรต่างๆ ก็จะมีโต๊ะสำหรับชุดกราบไหว้ ไม่ว่าจะเป็น ธูปเอย เทียนเอย ดอกไม้ เช่น ดอกบัวอะเนอะ น้ำมันเติมตะเกียง และสุดท้าย แผ่นทองคำ ตอนเด็กๆ แม่ก็จะบอกว่าให้เอาแผ่นทองไปปิดทองตรงองค์พระท่าน ด้วยความเป็นเด็กก็สงสัย แล้วจะให้ปิดตรงไหน รึตรงไหนก็ได้ แม่บอกว่าแปะแผ่นทองที่หน้า ไม่ก็ที่ท้อง