เม้ามอยกับมามูมะ

กฎ 15 ข้อ วิธีคิดการเงินที่คนรวยใช้ เปลี่ยนวิธีคิด สู่การมีเงินใช้ตลอดชีวิต

15 ข้อ วิธีคิดการเงินที่คนรวยใช้

ตลอดชีวิตการทำงานและสังเกตผู้คนมากมายของผม ผมค้นพบว่ามันไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา ไม่ใช่เรื่องของโอกาสที่ใครได้เปรียบกว่าใคร แต่มันคือ “เกมภายใน”… คือวิธีคิด คือ Mindset ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับเงิน

ในคลิปนี้ ผมจะไม่ได้มาสอนคุณให้รวยเร็ว แต่ผมจะแบ่งปันปรัชญาการเงิน กฎ 15 ข้อ วิธีคิดการเงินที่คนรวยใช้ เปลี่ยนวิธีคิด สู่การมีเงินใช้ตลอดชีวิต หากคุณฟังจนจบและนำไปปรับใช้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีคิดที่ไม่เพียงเปลี่ยนสถานะทางการเงิน แต่จะเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตของคุณให้พบกับความมั่งคั่งที่แท้จริง…ซึ่งก็คืออิสรภาพและความสงบในใจ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มต้นการเดินทางนี้ไปด้วยกันครับ

ข้อที่ 1: ใช้น้อยกว่าที่หามาได้เสมอ

นี่คือรากฐานที่สำคัญที่สุดของการสร้างความมั่งคั่งครับ มันคือหลักการของ “ความพอดี” หรือที่ในทางธรรมเรียกว่า “สันโดษ” คือการยินดีในสิ่งที่มี ไม่ใช่การอดอยากนะครับ แต่คือการรู้จักประมาณตน

ลองนึกภาพตามนะครับ… หมอคนหนึ่งรายได้เดือนละสองแสน แต่ใช้ชีวิตติดหรู ซื้อรถซูเปอร์คาร์ มีหนี้บัตรเครดิตท่วมตัว กับพนักงานออฟฟิศอีกคน รายได้สามหมื่นห้า แต่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใช้จ่ายไม่เกินสองหมื่น ที่เหลือเก็บและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สิบปีผ่านไป คุณคิดว่าใครจะมีความมั่นคงทางการเงินมากกว่ากันครับ?

ความรวยที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขรายรับ แต่วัดกันที่ “เงินคงเหลือ” ในบัญชีต่างหากครับ จงจำไว้เสมอว่า เราสร้างกำแพงแห่งความมั่นคงจากการก่ออิฐทีละก้อน ไม่ใช่การสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามแต่กลวงโบ๋อยู่ข้างใน

ข้อที่ 2: ออมก่อนใช้ คือการแสดงความรักต่อตัวเองในอนาคต

คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า “เหลือเท่าไหร่ ค่อยออมเท่านั้น” ซึ่งสุดท้ายก็มักจะไม่เหลือ แต่คนที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน เขาจะคิดกลับกัน คือ “ออมก่อน แล้วที่เหลือค่อยใช้”

ทันทีที่เงินเดือนเข้า บัญชีแรกที่คุณต้องจ่ายคือ “บัญชีอนาคตของตัวเอง” ครับ หัก 10%, 15% หรือ 20% ไปเก็บไว้ทันที การทำแบบนี้ไม่ใช่ภาระ แต่คือการส่งของขวัญที่ดีที่สุดจากตัวคุณในวันนี้ ไปให้ตัวคุณในวันเกษียณ หรือในวันที่คุณต้องการพลังสนับสนุนมากที่สุด มันเหมือนกับการปลูกต้นไม้ใหญ่ในวันนี้ครับ แม้วันนี้จะยังไม่เห็นผล แต่ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า คุณจะได้นั่งพักใต้ร่มเงาของมันอย่างสบายใจแน่นอน

ข้อที่ 3: ใช้เงินทำงานแทนเรา

เวลาและแรงงานของเรามีจำกัดครับ เราทำงานได้วันละ 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง แต่เงินนั้น… ทำงานให้เราได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันป่วย

ลองจินตนาการว่าเงินทุกบาทที่คุณลงทุนไป คือทหารตัวน้อยๆ ที่คุณส่งออกไปรบในสนามการเงิน ทหารเหล่านี้จะไปสร้างเพื่อนพ้องกลับมาเพิ่มให้คุณเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ที่ให้เงินปันผล, กองทุนรวมที่เติบโตตามเศรษฐกิจ, หรืออสังหาริมทรัพย์ที่สร้างค่าเช่าให้คุณทุกเดือน นี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้คุณหลุดจากสมการที่ว่า “ต้องใช้แรงแลกเงิน” ไปสู่สมการที่ว่า “ใช้ทรัพย์สินสร้างเงิน” ครับ

ข้อที่ 4: รายได้หลายทาง คือโต๊ะที่มั่นคง

การพึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว ก็เหมือนกับการนั่งอยู่บนโต๊ะที่มีขาเพียงขาเดียวครับ วันไหนที่ขานั้นหักไป ทุกอย่างก็พังครืนลงมาทันที

ในยุคนี้ การสร้างรายได้ทางที่สอง สาม สี่ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คุณมีความสามารถอะไรที่คนอื่นยอมจ่ายเงินให้ไหม? อาจจะเป็นการเขียน, การออกแบบ, การสอนพิเศษ, การขายของออนไลน์, หรือแม้แต่การทำช่องยูทูปแบบที่ผมทำอยู่ รายได้เสริมเหล่านี้อาจจะเริ่มจากเงินไม่กี่พันบาท แต่มันคือ “เกราะกันกระสุน” ชั้นดีในวันที่เกิดวิกฤต และใครจะรู้ วันหนึ่งมันอาจจะเติบโตจนกลายเป็นรายได้หลักของคุณก็ได้

ข้อที่ 5: ความรู้ คือทรัพย์สินที่ไม่มีใครขโมยได้

เงินทองอาจหมดไปได้ แต่ความรู้และปัญญาจะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่คุณจ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือดีๆ สักเล่ม, ลงคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ, หรือไปงานสัมมนาเพื่อเปิดโลกทัศน์ นั่นไม่ใช่ “รายจ่าย” ครับ แต่มันคือ “การลงทุน” ที่คุ้มค่าที่สุด

โลกเปลี่ยนไปทุกวัน ความรู้เมื่อวานอาจใช้ไม่ได้ในวันนี้ คนที่หยุดเรียนรู้ ก็เหมือนคนที่พายเรือทวนน้ำ สุดท้ายก็จะถูกกระแสพัดให้ถอยหลัง จงเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะโอกาสมักจะวิ่งเข้าหาคนที่เตรียมพร้อมเสมอ

ข้อที่ 6: วางแผนการเงิน คือการวาดแผนที่ชีวิต

ถ้าผมบอกให้คุณขับรถจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ โดยไม่มีแผนที่ ไม่มี GPS คุณคงรู้สึกเคว้งคว้างใช่ไหมครับ? ชีวิตการเงินก็เช่นกัน การไม่มีแผนก็เหมือนการออกเดินทางอย่างไร้จุดหมาย

คุณต้องรู้ตัวเลขพื้นฐานของชีวิตคุณให้ชัดเจน… หนึ่งปีหาเงินได้เท่าไหร่? มีค่าใช้จ่ายคงที่เท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายผันแปรเท่าไหร่? เหลือเก็บเท่าไหร่? และจะนำเงินเก็บนั้นไปลงทุนที่ไหนเพื่อให้งอกเงย? การทำงบประมาณรายรับรายจ่ายง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่มันคือการกุมบังเหียนชีวิตของตัวคุณเองครับ

ข้อที่ 7: วินัย คือพลังทวีที่น่าอัศจรรย์ที่สุด

ความมั่งคั่งไม่ใช่ผลของโชคช่วยในชั่วข้ามคืน แต่มันคือผลลัพธ์ของการกระทำเล็กๆ ที่ทำซ้ำๆ อย่างมีวินัยจนเป็นนิสัย เหมือนน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อนได้

วินัยทางการเงินสร้างได้จากการฝึกฝนสิ่งเล็กๆ ครับ เช่น การตั้งโอนเงินออมอัตโนมัติทันทีที่เงินเดือนออก, การจดบันทึกรายจ่ายทุกวัน, การพกเงินสดให้น้อยลงเพื่อลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การกระทำเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อทำต่อเนื่องเป็นปีๆ มันจะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จนคุณต้องประหลาดใจ เหมือนหลักของกรรมดีครับ ทำเหตุดีเล็กๆ สม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่ดีก็จะปรากฏเอง

ข้อที่ 8: ลงทุนในตัวเอง คือการลงทุนที่ไม่มีวันขาดทุน

ร่างกายและจิตใจคือภาชนะเดียวที่คุณมีสำหรับใช้ชีวิตนี้ครับ ถ้าภาชนะรั่วหรือแตกไป ทรัพย์สินเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย การลงทุนที่สำคัญที่สุดจึงไม่ใช่หุ้นหรืออสังหาฯ แต่คือการลงทุนในสุขภาพกายและสุขภาพใจของคุณเอง

กินอาหารดีๆ, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, นอนหลับให้เพียงพอ, และหาเวลาทำสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ ทั้งหมดนี้คือการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว เพราะเมื่อคุณแข็งแรงและมีพลัง คุณก็จะสามารถหาเงินและมีความสุขกับการใช้เงินได้อย่างเต็มที่

ข้อที่ 9: บริหารความเสี่ยง ด้วยหลักอนิจจัง

ในทางธรรมสอนเราว่าทุกสิ่งล้วน “อนิจจัง” คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน โลกการเงินก็เช่นกันครับ ไม่มีอะไรที่ปลอดภัย 100% หุ้นที่เคยเป็นดาวรุ่งอาจร่วงหล่น ธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองอาจล้มละลายได้ในพริบตา

ดังนั้น อย่าเอาไข่ทุกฟองไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว จงกระจายความเสี่ยงไปในการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินฝากหรือพันธบัตร และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นหรือกองทุนรวม การจัดพอร์ตการลงทุนที่สมดุล ก็เหมือนการสร้างเรือที่มีห้องนิรภัยหลายชั้น แม้จะมีรูรั่วที่จุดหนึ่ง เรือทั้งลำของคุณก็ยังไม่จมครับ

ข้อที่ 10: เข้าใจเรื่องหนี้ เพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือ

คนส่วนใหญ่กลัวคำว่า “หนี้” แต่ในโลกการเงิน หนี้มีสองประเภทครับ คือ “หนี้ดี” และ “หนี้เลว”

“หนี้เลว” คือหนี้ที่เกิดจากการบริโภคสิ่งที่ไม่สร้างรายได้เพิ่ม เช่น หนี้บัตรเครดิตจากการซื้อของแบรนด์เนม, หนี้ผ่อนโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด หนี้เหล่านี้จะดึงเงินออกจากกระเป๋าคุณทุกเดือน

ส่วน “หนี้ดี” คือหนี้ที่นำไปสร้างทรัพย์สินหรือรายได้เพิ่ม เช่น การกู้เงินซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งค่าเช่าสูงกว่าเงินผ่อน หรือการกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจ คนที่ฉลาดจะหลีกเลี่ยงหนี้เลว แต่จะรู้จักใช้หนี้ดีให้เป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่ง

ข้อที่ 11: แยกให้ออกระหว่าง “ความสุข” กับ “ความสบายชั่วคราว”

ก่อนจะจ่ายเงินซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ลองหยุดถามตัวเองสักนิดด้วยสติว่า “เรากำลังซื้อสิ่งของ หรือกำลังซื้ออารมณ์?”

การได้ของใหม่ๆ อาจทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกสบายใจ แต่มันเป็นเพียงความสุขชั่ววูบที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว และมักจะแลกมาด้วยความมั่นคงในระยะยาวของคุณ ความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนนั้นมาจากความสัมพันธ์ที่ดี, สุขภาพที่แข็งแรง และอิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่จากการครอบครองวัตถุครับ

ข้อที่ 12: ตรวจสุขภาพการเงิน เหมือนตรวจสุขภาพประจำปี

คุณไปตรวจสุขภาพร่างกายทุกปีใช่ไหมครับ? แล้วคุณเคย “ตรวจสุขภาพการเงิน” ของตัวเองบ้างไหม?

อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี ควรหาเวลานั่งทบทวนสถานะทางการเงินทั้งหมดของคุณ ดูว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือลดลง หนี้สินเป็นอย่างไร แผนการลงทุนยังเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ และแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่มันจะกลายเป็นมะเร็งร้ายทางการเงินที่รักษายากครับ

ข้อที่ 13: มี “สมอเรือ” สำรองเสมอ

ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนครับ วันนี้คุณอาจมีงานทำที่มั่นคง แต่พรุ่งนี้อาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือคุณอาจเจ็บป่วยกะทันหัน การมี “เงินกองทุนฉุกเฉิน” ก็เหมือนการมี “สมอเรือ” สำรองไว้

เงินก้อนนี้ควรมีมูลค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายของคุณประมาณ 6-12 เดือน เก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยและนำออกมาใช้ได้ง่าย เช่น บัญชีออมทรัพย์หรือกองทุนรวมตลาดเงิน มันคือเงินที่ซื้อ “ความสงบในใจ” ให้คุณสามารถผ่านพายุของชีวิตไปได้โดยไม่ล่ม

ข้อที่ 14: เป้าหมายสูงสุดของเงิน คือการ “ซื้อเวลา”

เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณจะค้นพบว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไม่ใช่เงิน แต่คือ “เวลา” และ “อิสรภาพ” ในการเลือกใช้ชีวิต

เงินที่หามาได้ ควรถูกใช้ไปเพื่อซื้อเวลาของคุณคืนมา เช่น การจ้างคนมาทำงานบ้านที่คุณไม่ชอบทำ, การลงทุนในธุรกิจที่ใช้ระบบทำงานแทนตัวคุณ, หรือการมีเงินเก็บมากพอที่จะลาออกจากงานที่ไม่ชอบ เพื่อไปทำในสิ่งที่รัก… นั่นคือความมั่งคั่งที่แท้จริงครับ คือการได้เป็นนายของเวลาและชีวิตของตัวเอง

ข้อที่ 15: ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ

นี่คือข้อที่ลึกซึ้งที่สุดและทรงพลังที่สุดครับ หลักการของจักรวาลคือการไหลเวียน เมื่อคุณรู้สึกมั่งคั่งจากภายใน คุณจะอยากแบ่งปัน การให้ในที่นี้ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องเงินนะครับ อาจจะเป็นการให้ความรู้, ให้โอกาส, หรือให้กำลังใจผู้อื่น

เมื่อคุณให้โดยไม่หวังผลตอบแทน คุณกำลังส่งคลื่นพลังงานของ “ความมี” และ “ความอุดมสมบูรณ์” ออกไป แล้วจักรวาลก็จะสะท้อนสิ่งเหล่านั้นกลับมาหาคุณในรูปแบบของโอกาส, กัลยาณมิตร และความสุขใจที่เงินหาซื้อไม่ได้ การให้คือการเปิดประตูสู่ความมั่งคั่งที่ไม่มีวันสิ้นสุดครับ

และนี่คือ 15 วิธีคิด ที่เป็นเหมือนปรัชญานำทาง ที่จะทำให้คุณมีเงินใช้ตลอดชีวิตครับ

คุณจะเห็นว่าหัวใจของมันไม่ใช่สูตรการเงินที่ซับซ้อน แต่คือการปรับมุมมองจากภายใน คือการสร้างวินัย คือการเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของเงินและชีวิต มันไม่ใช่เรื่องของการ “หาเงินให้ได้มากที่สุด” แต่คือการ “บริหารสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” เพื่อสร้างชีวิตที่มีอิสระและมีความหมาย

ผมรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนิสัยเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่ต้องทำทั้งหมด 15 ข้อในวันเดียวครับ ลองเลือกมาแค่ 1 หรือ 2 ข้อที่คุณรู้สึกว่าใช่ที่สุด แล้วเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ทำมันซ้ำๆ ทุกวัน แล้วผมรับประกันว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เมื่อคุณมองย้อนกลับมา คุณจะขอบคุณตัวเองในวันนี้อย่างแน่นอน

ถ้าคุณเห็นว่าช่องนี้เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดบนเส้นทางชีวิตของคุณ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม และกด Subscribe ติดตามเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดเนื้อหาดีๆ ที่จะช่วยยกระดับชีวิตของเราไปด้วยกัน

และก่อนจะจากกันไป ผมอยากให้เรามาสร้างพลังงานดีๆ ร่วมกันครับ พิมพ์ในคอมเมนต์ว่า “ขอบคุณ…ฉันมีเงินใช้ตลอดชีวิต” เพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อนี้ลงไปในจิตใต้สำนึกของคุณ และเป็นการส่งต่อพลังงานแห่งความมั่งคั่งนี้ให้กับเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้อ่าน

แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป ที่เราจะมาสร้างชีวิตที่มั่งคั่งและมีความหมายไปด้วยกันครับ

สวัสดีครับ

You may also like

ทดสอบ lemon8
เม้ามอยกับมามูมะ

เมื่อลองลงบทความวันพระ กับ บทความเลขเด็ดจากเชงเม้งเดย์

เมื่อมามูมะบุก lemon8 และทดลองลงโพสต์ใกล้ๆกัน โดยบทความแรกจะเกี่ยวกับวันพระ ทำไมต้องมีวันพระ รวมไปถึง การเล่าเรื่องต่างๆ จนมาจบลงที่ คำทำนายในวันนี้ว่า วันพระวันนี้จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างรวมถึงให้เสี่ยงดวงว่าทำบุญอะไรดีในวันนี้ และ บทความที่สองจะเกี่ยวกับตัวเลขเด็ด เลขจากประทัดที่มามูมะได้เลขมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ในเพจมามูมะครับ และที่แอปบทมือถืออย่าง lemon8 รูปฝั่งซ้ายจะเป็นตัวเลข 2800+ ยอดคนดู สำหรับบทความที่สอง
ความเชื่อและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการตัดผมในวัฒนธรรมไทย
เม้ามอยกับมามูมะ

วันดี วันร้าย ความเชื่อและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการตัดผมในวัฒนธรรมไทย

การตัดผมถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องตัดอยู่เป็นประจำแต่ในวัฒนธรรมไทยกลับมองว่าเป็นพิธีกรรมทางจิตวิญญาณที่สำคัญ เนื่องมาจากความเชื่อและขนบธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เริ่มตั้งแต่การเลือกวันและเวลาในการตัดผม การเลือกใช้เครื่องมือตัดผม ตลอดจนวิธีการจัดการกับเส้นผมที่ตัดออกมา ซึ่งล้วนมีจุดประสงค์เพื่อนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตนและครอบครัว โดยในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักประเพณีและความเชื่อเกี่ยวกับการตัดผมแบบไทยๆ ที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งจะทำให้คุณได้ซาบซึ้งถึงรากเหง้าและสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของคนไทย เพื่อให้ไม่เสียเวลาของคนอ่านมากนัก เรามาดูกันว่า จะมีวันดี วันร้าย ตรงตามที่คุณรู้มาบ้างไหม ลองอ่านกันดูครับผม ในสมัยก่อนชาวบ้านจะเชื่อว่า การตัดผมในวันและเวลาหนึ่งๆ