รวมเรื่องเล่า

เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน อบรมสยอง . . . ความหลอนที่ไม่เคยลืม

เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน อบรมสยอง ความหลอนที่ไม่เคยลืม

เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณเอ ครับ โดยในการเขียนเล่าเรื่องนี้ ผมจะขอแทนตัวเองว่าเป็นคุณเอเลย เวลาอ่านจะได้เห็นภาพเสมือนว่าเป็นตัวคุณเอ ที่ดำเนินเรื่องเล่าในครั้งนี้ครับ
หากจะนับๆดูแล้ว น่าจะย้อนกลับไปเมื่อราวๆปี 2558 ตอนนั้น เอ แคท ตาล และ เอ๋ ได้บรรจุเป็นพนักงานบริษัทหนึ่งที่ต่างจังหวัด ซึ่งต้องเดินทางเข้ามาอบรมที่กรุงเทพฯเป็นเวลา 5 วัน โดยบริษัทจะแบ่งรุ่นที่เข้ารับการอบรม รุ่นละประมาณ 60 -70  คน ซึ่งเป็นพนักงานใหม่ที่มาจากหลายๆสาขา ซึ่งทางบริษัทได้จัดที่พักและที่สถานที่อบรมสำหรับพนักงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านที่คนจีนนิยมเข้าพัก เพราะสามารถเดินทางไปแหล่งชอปปิ้งได้ง่ายๆ แถวซอยรางน้ำ หรือประตูน้ำก็ได้อยู่


     ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ ขออธิบายลักษณะของโรงแรมที่พวกเราทั้ง 4 คนเข้าพัก พร้อมเพื่อนคนอื่นๆ ที่เข้าอบรม เป็นโรงแรมไม่ได้ใหม่มากส่วนต้อนรับ จะแนวโบราณๆ หน่อย ซึ่งทั้ง 4 คนแจ้งที่พนักงานว่า ขอเข้าพักห้องที่ติดกัน หรือใกล้ๆกัน โดยทางพนักงานต้อนรับ แจ้งว่าพวกเราได้พักที่ชั้น 7 และเป็นห้องที่เชื่อมติดกัน สามารถเปิดเข้าออกหากันได้ ( Connecting Room )  โดย เอ และ แคท ได้ห้องเลขที่ 714 ส่วน ตาล และ เอ๋ ได้ห้องเลขที่ 713


     เมื่อ Check in ได้ห้องพักแล้ว พวกเราทั้ง 4 คน ก็เดินลากสัมภาระเพื่อไปพักยังห้องพักของเรา เมื่อเปิดประตูเข้าห้อง ก็จะเหมือน รร.ทั่วไป ขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเจอตู้เสื้อผ้า มีชั้นวางขนม ถัดไปก็เป็นโต๊ะเขียนหนังสือที่วางทีวีไว้ ตรงข้ามโต๊ะก็จะเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง ซึ่งจะมีตู้เล็กคั่นสำหรับใส่ของ มีโคมไฟใหญ่ คั่นระหว่างสองเตียง เท่าที่ดูจะค่อนข้างเก่าหน่อยๆ แต่ว่ามาอบรมเพียงไม่กี่วันคงไม่เป็นอะไร


หลังจากสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราและแคท เดินไปหา ตาล และ เอ๋ ที่ห้อง 713 เพื่อไปคุยถึงเรื่องห้องว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง โอเคไหม หลังจากเราคุยกันไปได้สักพัก ดูเวลาน่าจะช่วงเย็นๆ 4-5 โมงได้ พวกเราทั้ง 4 ก็เลยตกลงกันว่า ไปเดินชอปปิ้งหรือซื้อของ รวมถึงหาของกินที่อนุสาวรีย์กัน แล้วค่ำๆ ค่อยกลับมานอนที่โรงแรม


  หลังจากทำธุระกันเรียบร้อยแล้วพวกเราดูเวลากัน เริ่มจะมืด กลัวถ้าดึกไปพรุ่งนี้จะไปอบรมกันไม่ไหว จึงชวนกันกลับมาที่โรงแรมกัน หลังจากที่พวกเราแยกย้ายกันกลับไปที่ห้องใครห้องมัน ต้องขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับแคทให้ฟังก่อนสักนิด จะได้เข้าใจนิสัยของแคทกัน


     ด้วยความที่แคทเป็นคนกลัวผีมากๆ จะเปิดไฟสว่างทั้งห้อง และเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งคืนซึ่งแคทจะนอนกับเราคนเดียวได้เท่านั้น เพราะเรานอนได้ตลอดไม่ว่าจะเปิดไฟรึปิดไฟก็ตาม ในคืนวันอาทิตย์ก่อนเข้าอบรมในเช้าวันจันทร์ เราขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะแคท เราร้อนมากเลย แคทตอบได้สิ ซึ่งขอเล่าในส่วนของห้องน้ำก่อนนะ ในห้องน้ำจะเป็นอ่างอาบน้ำทั่วไป สามารถนอนแช่ตัวได้ เมื่อเราอาบน้ำเสร็จ จังหวะเปิดประตูออกจากห้องน้ำ เราพยายามดึงๆอยู่นาน แต่เปิดประตูห้องน้ำไม่ได้จากด้านใน เราเลยตะโกนเรียก และเคาะประตูห้องน้ำอยู่สักพัก
แคทถึงมาเปิดประตูให้ เพราะเห็นว่าเราหายไปนานจนผิดสังเกต … เราเข้าใจว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ลูกบิดประตู ก็เลยตกลงกับแคทว่าจะไม่ล็อคประตูห้องน้ำกัน แค่เปิดแง้มๆไว้เวลาเข้าห้องน้ำก็แล้วกันเนอะ

     ในส่วนของการอบรม เวลาผ่านไป วันที่ 1 2 3 4 ในช่วงการอบรมในวันที่ 4 นั่นเอง … เราได้รับข่าวร้าย ต้องไปงานศพของคุณตาของแฟนเราที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ค้างกับแคทในคืนวันที่ 4 ต่อมาในช่วงบ่ายวันนั้นเอง เราต้องเข้ามาเก็บของที่ห้อง 714 คนเดียว ซึ่งในตอนที่กำลังเก็บของอยู่นั้น เรารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครสักคนนึงอยู่ในห้อง 713 เพราะเหมือนมีเสียงกุกกักๆ อยู่ ซึ่งเราสงสัยเลยเดินเข้าไปในห้อง 713 ผ่านทางประตูที่เชื่อมกัน โดยภาพจะเป็นว่า เราเดินผ่านไปจากเตียงนอน จนถึงห้องน้ำ แล้วก็เปิดประตูห้องน้ำ เอ๊ะ ก็ดูจนทั่ว แต่ไม่มีใครอยู่เลย เราก็เลยคิดว่า เราน่าจะคิดไปเอง

     ภาพตัดมาในคืนที่ 4 แคทเล่าให้เราฟังว่าในคืนสุดท้ายที่แคทต้องนอนคนเดียว ซึ่งอย่างที่บอกมาแล้วว่า แคทกลัวผีมากๆ แคทเลยขอไปนอนห้องเพื่อน 713 ลักษณะห้องนอนของตาลและเอ๋ จะคล้ายๆกับเอและแคท เพียงแค่สลับกลับด้านกันเท่านั้นเอง …. ระหว่างที่ยังไม่นอน ตาลกำลังกินขนมและยืนอยู่ริมหน้าต่าง แล้วเหมือนมีใครตกมาจากด้านบนแว๊บๆ (เห็นแบบหางตา) แต่พอมองลงไป ไม่เจอใคร เลยคิดว่าน่าจะตาฝาด

     ในช่วงเวลาที่ต้องเข้านอนมาถึง คืนนั้นแคทนอนเตียงเดียวกับเอ๋(นอนเบียดๆกัน) ซึ่งเป็นเตียงที่ติดกับห้องน้ำ ส่วนตาลนอนถัดไปอีกเตียงติดกับหน้าต่าง ในคืนนั้นแคทต้องยอมนอนปิดไฟ แต่ขอเปิดทีวีไว้อย่างนึง ด้วยความที่อบรมเหนื่อยๆ หรือด้วยความกลัวก็ไม่รู้ได้ แคทชิงหลับไปก่อน (น่าจะราวๆ 3 ทุ่มเศษๆได้) แล้วมาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนห้าทุ่มกว่าๆ

เพราะได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ช้าๆ เสียงแบบเย็นๆ ว่า "ตาลลลลลลล" ด้วยความกลัว แคทเอาศอกกระทุ้งเอ๋ ที่นอนอยู่ข้างๆ เบาๆ แล้วพูดว่า "มึงๆ มึงๆ ได้ยินเสียงอะไรไหม? มึงเรียกตาลรึป่าว" ด้วยความที่เอ๋ ง่วงนอนมากๆๆๆ ก็เลยบอกว่า "เสียงในทีวีมั้ง นอนเหอะ" ผ่านไปไม่ถึง 2 นาที ก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ เสียงมาจากในห้องน้ำว่า "เอ๋ๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงเรียกช้าๆ เนิบๆ ยานๆ เหมือนครั้งแรก ต่างกันตรงที่รอบนี้เสียงดังมากกว่าเดิม แต่ไม่ดังมาก แคทก็เอาศอกกระทุ้งเอ๋เบาๆ อีกรอบ "มึงๆ ได้ยินอีกแล้ว เสียงมาจากห้องน้ำ" รอบนี้แคทกระซิบบอกเอ๋เบาๆ ราวกับกลัวคนในห้องน้ำได้ยิน และในใจก็กลัวมากๆแล้ว

     เสียงเรียกครั้งที่ 2 เหมือนทั้งตาลและเอ๋ จะได้ยินเหมือนกัน เพราะเสียงดังกว่าในครั้งแรก แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าหูฝาดรึป่าว เอ๋…ก็เลยถามตาลที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ว่า “ตาล มึงเรียกกูรึป่าว?” ตาลตอบแบบเสียงง่วงๆ “ป่าวๆ นอนเหอะ” แต่แคท ก็เชื่อว่ามันเริ่มไม่ปกติแล้วแหละ


     ผ่านไปไม่นาน …. ครั้งนี้มีเสียงมาจากในห้องน้ำอีกครั้ง แต่มันดังกว่าทุกครั้ง เหมือนคนในห้องน้ำพยายามตะเบ็งเสียง ให้ทุกคนได้ยิน ว่า “แคททททททท” เสียงเรียกช้าๆ ยานๆ แต่มันดังกว่าทุกครั้ง

      และครั้งนี้นั่นเองที่ ทุกคนได้ยินชัดเจน ด้วยความกลัวมากกก ไรผมด้านหน้าเอ๋ ลุกตั้งขึ้น เหมือนในละครที่คนโดนผีหลอก แล้วผมลุกตั้ง ต่างกันที่ผมของเธอ ไม่ได้ลุกตั้งทั้งหมดเท่านั้นเอง ระหว่างนั้นเอ๋นึกได้ว่า ตัวเองสวมสร้อยพระไว้ จึงจับที่คอตัวเอง แต่มันว่างเปล่า เธอรีบมาดูบริเวณเตียงนอน พบว่าสร้อยพระขาด ลักษณะสร้อยเหมือนถูกดึงจนยืดและขาดไป


     ส่วนตาลและแคท เปิดไฟสว่างทั่วห้อง ตาลน่าจะเป็นคนที่กลัว แต่ยังมีสติที่สุดในเวลานั้น โทรไปชั้นล๊อบบี้ของโรงแรม เพื่อขอเปลี่ยนห้องทันที ตอนนั้นน่าจะราวๆ เที่ยงคืนกว่าจะตีหนึ่งแล้ว แต่!!!!! ทางโรงแรมแจ้งว่า “ห้องพักเต็ม!!” เพราะวันนี้มีทัวร์จีนมาลง ต้องรอแขกออกไปก่อน พรุ่งนี้ ถึงจะเปลี่ยนห้องได้

     ตาล : พี่คะ (พนักงานโรงแรมปลายสาย) หนูโดนผีหลอก มันเรียกชื่อหนูทั้ง 3 คน หนูนอนไม่ได้แล้วค่ะ ต้องเปลี่ยนห้องให้พวกหนูตอนนี้เลยค่ะ!!


     ระหว่างนั้นทุกคนก็พยายามเก็บสัมภาระของตนเอง เพราะไม่คิดจะกลับมาห้องนี้อีก เก็บของทุกอย่าง ยกเว้น “ของที่อยู่ในห้องน้ำ”

      แคทนึกได้ว่า มีเพื่อนกลุ่มอื่น พักอยู่ชั้น 9 เลยพยายามติดต่อเพื่อน ซึ่งตอนนั้นน่าจะราวๆ ตี 1 เพื่อขอไปนอนด้วย นอนเบียดๆก็ได้ นอนพื้นก็ได้ จะว่าไปก็นอนตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องนี้ พอติดต่อเพื่อนได้ และเพื่อนตอบตกลง พวกทั้ง 3 คน ก็พร้อมย้ายออกไปโดยทันที พร้อมหอบหมอนและผ้าห่ม

     แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     พวกเราทั้ง 3 คน ไม่กล้าเดินผ่านห้องน้ำ ตาลจึงโทรไปที่ล๊อบบี้ของโรงแรมอีกครั้ง เพื่อขอให้พนักงานของโรงแรม ขึ้นมารับและช่วยพวกเราขนของขึ้นไปที่ชั้น 9 หลังจากนั้นผ่านไปได้ราวๆ 10 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมขึ้นมารับพวกเราทั้งหมดกึ่งเดิน กึ่งวิ่ง ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

     วันสุดท้ายของการอบรม ตาลและเอ๋ ตัดสินใจว่า จะทิ้งเครื่องสำอางทุกอย่างที่วางไว้ในห้องน้ำที่ห้องพัก 713 เพราะว่ากลัวมากไม่อยากกลับเข้าไปอีก ต่างจากแคทที่บ่นอุบ เสียดายเครื่องสำอางแบรนด์ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวันก่อน ซึ่งวางไว้อยู่ในห้องน้ำที่ห้อง 713 ก็เลยขอกลับไปเอาอีกรอบ พร้อมเรียกให้พนักงานของโรงแรมขึ้นไปพร้อมกัน

 พอแคทเปิดประตูเข้าไปในห้อง 713  ได้ แคทรีบๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อที่จะรีบเก็บของออกมา จังหวะที่หยิบเครื่องสำอางบริเวณอ่างอาบน้ำ ครั้งนี้แคทไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว เพียงแต่ได้กลิ่นหอมๆ โชยออกมาจากในห้องน้ำ

     หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ แคทก็พูดลอยๆ ออกมาเบาๆ ว่า “เดี๋ยวจะทำบุญไปนะ” แล้วรีบเดินออกจากห้องไปในทันที และเรื่องเล่าจากทางบ้านเรื่องนี้ก็จบลง..

แต่ …. ทุกครั้งที่พวกเราทั้ง 4 มาเจอกัน ก็จะนำเรื่องนี้มาคุยกันเสมอๆ เพราะพวกเราทั้ง 4 ไม่เคยลืมโรงแรมนี้ แม้ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่แล้วก็ตาม…. ขอบคุณคนในห้องน้ำที่ทำให้หลอนจนเป็นเรื่องเล่าประจำกลุ่มของพวกเรา

ขอบคุณสาวสวย ทั้ง 4 และ อะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ที่ห้องน้ำห้อง 713

ปล. ได้ไปทำบุญที่ได้บอกเอาไว้แล้ว อันนี้ถามมาให้แล้ว

You may also like

เรื่องเล่า จากทางบ้าน ตอน ชายชุดดำคือใครกัน?
รวมเรื่องเล่า

เรื่องเล่าจากทางบ้าน ตอน “ชายชุดดำคือใครกัน”

เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดมาอีกต่อหนึ่งครับ โดยผมจะขออนุญาตเล่าเรื่องนี้เป็นตัวผมแทนครับ จะได้ไม่สะดุดในการอ่านของทุกๆท่าน เรื่องราวนี้น่าจะย้อนไปราวๆ ปี 63-64 ที่ผ่านมาครับบ่ายวันหนึ่ง มีโทรศัพท์ โทรเข้ามา ซึ่ง ไม่บ่อยครั้งที่วันหยุดแบบนี้เพื่อนผมคนนี้จะโทรมาหา หากไม่มีเรื่องอะไร ผมขอเรียกสั้นๆว่าโอ นะครับ หลังจากรับสายเรียบร้อยแล้ว ผมจึงถามโอว่าโอ นายมีอะไรหรอ ถึงโทรมา โอจึงเล่าว่า พอดีวันนี้เรากลับบ้านมาหายายของเรา
เรื่องเล่า จากทางบ้าน ตอน สวดมนต์สยอง
รวมเรื่องเล่า

เรื่องเล่าจากทางบ้าน ตอน “สวดมนต์สยอง”

เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากคนๆ นึงครับ ผมขอเล่าแทนตัวเขา โดย เล่าเป็นตัวผมไปเลยละกันครับมันจะได้อ่านกันแล้ว แบบต่อเนื่องไม่ดูสับสนกันไปนะครับ เรื่องนี้ ย้อนกลับไปตอนช่วงเดือนมีนาคม 2565 ครับ ผมได้รับการติดต่อจากผู้หญิงคนนึง ว่าพอจะช่วยเขาได้หรือไม่พอดีผู้หญิงคนนี้ ได้ลองอ่าน และ ติดตามผมมานานหลายปีวันนี้เลยติดสินใจ ทักเข้ามาใน messenger เพื่อลองสอบถามดู ผมเลยบอกไปว่า ไหนลองเล่ามาก่อนละกัน