ก่อนเริ่มเรื่องนี้ เราขอย้อนทุกท่านกลับไปยังช่วงก่อนหน้านี้ครับ ก่อนพวกเราทั้ง 3 คนลงจากเขานั้น
ได้มี 2 สถานที่ที่ หลวงปู่ท่านได้กล่าวถึงไว้ 1 ในนั้นคือ วัดถ้ำสาริกา จังหวัดนครนายก ท่านกล่าวไว้ว่าให้พวกเราทั้ง 3 นั้น
หากมีเวลา อยากให้ไปสักครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ตัวผมเองนั้น ยังไม่เคยได้เดินมายังที่แห่งนี้….
ภาพตัดมายังสัปดาห์ก่อนที่จะเดินทาง เนื่องมาจาก 1 ใน 3 คนนี้ ได้เดินทางไปยังวัดถ้ำสาริกา ล่วงหน้า รวมถึงได้เสร็จสิ้นภารกิจ สมใจปรารถนา ที่ได้ขอไว้
หลังจากพูดจบลง ผมจึงทักถามน้องไปว่า อยากไปไหม ก็ยังขอคิดดูก่อน จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันศุกร์ น้องบอกว่า ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว
งั้นพวกเราไปก็แล้วกัน หลังจากนั้น ก็นัดกันว่า เจอในวันเสาร์เช้า แล้วรีบออกเดินทางกัน เวลาล่วงเลยไป เป็นเช้าวันเสาร์
พวกเราทั้ง 3 รีบมุ่งหน้า อย่างรวดเร็วมุ่งหน้า เดินทางไปยัง วัดถ้ำสาริกา นครนายก ดูจากเวลาเดินทางน่าจะใช้เวลาราวๆ 2 – 2.30 ชม
เพื่อนผู้ขับรถซิ่งเป็นประจำรีบบึ่งไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวางแผนกันว่า หลังจากมาที่นี่แล้ว ยังมีวัดและสถานที่น่าสนใจโดยรอบอยู่ น่าจะมีเวลาได้เที่ยวเล่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราได้มาถึงวัดถ้ำสาริกา จอดรอเรียบร้อยแล้ว เพื่อนคนแรกที่เคยมา เลยอาสา นำทางเพื่อไปไหว้ยังจุดสำคัญๆ ภายในวัดแห่งนี้
พวกเราก็เดินตาม อย่างผู้มิเคยคุ้นชิน จนมาถึงบริเวณก่อนขึ้น อุโบสถของวัด จนเพื่อนที่นำทางมาบอกว่า รอบก่อนที่มา ยังไม่เคยขึ้นไปเลย
งั้นพวกเราขึ้นกันไปดีกว่า ผมและน้อง จึงตอบไปว่าเอาสิ ไหนๆ เราก็มาแล้ว พวกผมเดินเท้าเปล่าขึ้นไป เพราะได้ถอนรองเท้าไว้หน้าทางเข้าถ้ำแห่งนี้
อ่อลืมบอกไป ระหว่างทางที่เราขึ้นมาบริเวณถ้ำสาริกานั้น จะมีรูปหล่อหลวงปู่มั่นท่านอยู่ภายในถ้ำนะครับ เรียกว่ามาในคราวนี้ พวกเรามาตามรอยหลวงปู่มั่นก็ว่าได้ครับ
โดยทางขึ้นก็จะมีเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่บนหิน พวกเราขึ้นไปกราบไหว้ท่าน ด้วยครับ หลังจากเรามาถึงภายในถ้ำแห่งนี้ เมื่อผมมาถึง ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
ใจเต้น สั่นระรัวบอกไม่ถูก มันเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างกดทับเข้ามาที่ความรู้สึก มันแน่นไปหมด แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง ความอึดอัด ไม่สบายนั้น
ได้เบาบางและหายไป หลังจากที่ผมได้ นั่งสมาธิอยู่บริเวณถ้ำ และ เบื่องหน้าของผมนั้น เป็นรูปหล่อขอหลวงปู่มั่น นั่นเอง
ในระหว่างนั้น ในใจได้กล่าวว่า ได้มีโอกาส ได้กลับมาสักการะ ครูอาจารย์ของผมอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง หลังจากผมได้นั่งสมาธิอยู่สักครู่หนึ่ง
ก็ถึงเวลาที่พวกเรา ต้องเดินขึ้นไปยังอุโบสถต่อครับ
ในตอนนี้ พวกเราทั้ง 3 ขึ้นบันไดมาถึงหน้าอุโบสถกันแล้ว เพื่อนผมเดินไปเปิดประตูทางเข้า ผมและน้อง เดินตามกันมา และพวกเราทั้ง 3 คนนั้น
ต่างแยกย้ายหาที่นั่งกัน ผมและน้อง ก็ขอเวลานั่งสมาธิกันสักหน่อย หลังจากนั่งสมาธิไปได้สักระยะหนึ่ง (เหตุการณ์ช่วงต่างๆต่อจากนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)
จำได้ว่า ด้านขวาเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดขึ้นระหว่างทำสมาธิกับเพื่อนว่า ได้ยินเสียงอะไรไหม เพื่อนบอก เสียงนกร้อง
ผมบอกไม่ใช่ๆ ถ้านกร้องอะ มันเพิ่งมาร้องกันอยู่ด้านหลัง แต่นี่ดังมาก มาจากทางขวามือ มันบอกผมว่า ไม่มีนะ ไม่ได้ยินเสียง ผมได้แต่พูดไปว่า อืมๆ ช่างมันเถอะ
ผมก็นั่งสมาธิต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผมได้ยินเสียงดังขึ้นอีก ดังสวบ สวบ คล้ายอาการไม่อะไรเคลื่อนไหว ก็เสียงเท้าเดินลากกับพื้น พอผมพูดขึ้นมาเท่านั้นแหละ
น้องผมบอกว่า พี่ๆๆๆๆๆๆๆ ยักษ์มาเต็มเลย มารอบๆ เต็มไปหมดเลย ผมบอก ใช่หรอ มันบอกใช่พี่ มากันเยอะมาก มาดูพวกเราเนี่ย ผมบอกไม่มีอะไรหรอก
นั่งสมาธิต่อไป มันบอก ครับๆ หลังจากนั่งสมาธิถึงช่วงหนึ่งผมรู้สึกว่า น่าจะพอแล้วเพราะบรรยากาศรอบๆค่อยๆ สงบลง ผมจึงออกจากสมาธิ พร้อมบอกไปกัน
พวกเราไปเดินเวียนเทียนกันสัก 3 รอบ แล้วมาย้ำสิ่งที่ได้ อธิษฐานไว้ก็แล้วกัน พวกเราทั้ง 3 เดินออกมา พร้อมเดินวนรออุโบสถ พร้อมทั้งคุยเรื่องที่ได้เกิดขึ้นมา
ผมถามอีกครั้งว่า ใช่แน่รึ มันบอกใช่แน่ครับพี่ ไม่ผิดเพี้ยน มากันเยอะจริงๆ ผมบอกอื้อ ก็ดีแล้ว เขาไม่ได้มาทำอะไรเราหรอก คงมาดูมาดูหน้าแล้วก็ไป
หลังจากเราเวียนเทียนกันครบจำนวนรอบแล้ว เราต่างมากราบขอพรอีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเสร็จสิ้น กระบวนความ
หลังจากนั้นเราเดินลงจากอุโบสถ และ เดินออกมาจากถ้ำกันแล้ว ค่อยๆเดินตามทางเนื่องจากเวลาก็บ่ายกว่าๆเห็นจะได้ แบบว่าอิ่มบุญแล้ว อยากอิ่มท้องกันบ้างแล้ว
หิวนั่นแหละ เราจึงเดินกันตามทางลงมา เพราะด้านล่างจะมีตลาดเล็กๆ ให้ชาวบ้านขายของกันอยู่ ระหว่างเดินทางกันลงมนั้น
น้องผมทักผมขึ้นมาว่า พี่ๆ มีเทพอะไร สีเขียวๆบ้าง แล้วมันก็ชี้ไปเบื่องหน้า ผมบอกไปว่า ก็พระอินทร์ไง ทำไมรึ? ผมก็มองไป เอ๊ะ แบบนี้ น่าจะพระอินทร์นะ
น้องบอกกับผมว่า ครั้งก่อน ผมเล่นทำนายดวงเทพที่ดูแลช่วงนี้ เป็นเทพอะไร ผมได้พระอินทร์ ผมขอไปไหว้หน่อยได้ไหม ผมตอบไปว่า ได้สิทำไมไม่ได้ละ
พวกเราทั้ง 3 เดินไป เนื่องจากครั้งก่อน เพื่อนผมก็ไม่ได้เดินผ่านทางนี้ พอเรามาถึง บริเวณที่น้องผมชี้ให้เห็น
ผมแบบตกใจพร้อม อุทานขึ้นว่า เห้ยยย กูว่าแล้ววววว ทำไมหลวงปู่ถึงอยากให้ มาที่วัดถ้ำสาริกา เพื่อนผมถามทำไมหรอ มีอะไร เกิดอะไรขึ้น?
ต้องบอกก่อนว่า องค์แรกที่เราได้เจอนั้นคือ พระอินทร์นะครับ ถัดมานั้น เป็นบ่อที่มีพญานาค 3 สี และ สุดท้ายจะเป็นพระพรหม ซึ่งหลายๆคน พอจะเดาได้ว่า
ไม่ค่อยมีที่ไหนหรอกครับ ที่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ ผมจึงกล่าวขึ้นพร้อมชี้ มายังบ่อน้ำ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ผมไม่เคยเจอที่ไหนเลย ที่มี พญานาคสีทอง สีดำ และ สีเขียว อยู่ภายในบ่อ วางเรียงกันไว้
หากใครเคยอ่านเรื่องราวของมามูมะ จะจำได้ว่า ครั้งแรกที่คำชำโนด จะเป็นพญานาคสีเขียว , และ มีชายแก่คล้ายฤาษี ชุดขาว มาหาผม และให้เรียกว่า ปู่ดำ หรือ พญานาคสีดำ
และสุดท้าย พญานาคสีทอง ที่ได้ให้บริวารมาตามผมไปพบ และบอกว่า เราดีใจที่ได้เจอท่านแล้ว หูยยย ขนลุกเอาเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นพระอินทร์ที่ผมได้ท่องคาถาก่อนดูดวง
หรือพระพรหม ที่ผมใช้ไพ่พรหมญาณ ก่อนหน้านี้ ต่างมารวม ณ สถานที่แห่งนี้ หลังจากผมได้บอกเหตุผลต่างๆออกไปแล้วนั้น
ผมได้บอกให้ ทั้ง 2 ทำบางอย่าง ณ บริเวณแห่งนี้ ให้เรียบร้อยครับ หลังจากเราทำเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินกันขึ้นรถกัน ผมได้กล่าวกับแก๊งว่า
บอกแล้วว่าสุดท้าย พวกเราก็ต้องมากันจริงๆ ตามที่หลวงปู่ท่านได้บอกไว้ มันเป็นที่ๆ เราเคยได้มากัน ไม่มีเหตุบังเอิญหรอก
มันเป็นจิ๊กซอ อีกตัวหนึ่ง ที่ทำให้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างนั้น ค่อยๆเฉลยคำตอบออกมา
และเรื่องเล่าเรื่องนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้… โอกาสหน้า มาเล่าใหม่ครับ
ท้ายเรื่อง หากใครอยากรู้ อยากเล่า รึ อยากเม้ามอยเรื่องแปลกๆมาคุยได้ครับ รอฟังเช่นเคย เนื่องจากไปเข้าฝันหลายๆคนอีกแล้วช่วงนี้ แฮร่